ข่าว ธุรกิจออนไลน์ 100%

วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อันตรายที่เกิดจากเหลือบใส่สูท ในธุรกิจ เครือข่ายปัจจุบัน


ดิฉัน ได้ศึกษา ธุรกิจเครือข่ายในเมืองไทยอย่างจริงจัง เพื่อจะได้ นำมาวิเคราะห์ และแบ่งปัน เป็น ข้อมูลสำหรับ ผู้ที่สนใจ ในธุรกิจเครือข่าย บางบริษัท เปิดตัวแรงมาก ทุ่มเงินโฆษณา อย่างอลังการ ซื้อสื่อทุกประเภท เปิด ช่องทีวีเอง ทำกันเป็นทีม มี หน้าม้า ที่เป็นนักพูด (ยอมขายตัว) มา เป็น ผู้นำต้น ๆ สาย มา เล่นบทผู้ประสบผลสำเร็จ สร้างภาพรายได้ สูง ๆ ( มีเอกสารการรับรายได้ มาอวด) มาเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ เสริมในการขาย

บางบริษัท มีโปรโมชั่น แจก  iphone แจก NOTEBOOK แจกเงินสด แต่ไม่เคยแจกจริง ไม่อัพเดทข่าวอะไรเลย พอนาน ๆ เข้าก็ไม่ส่งสินค้า ( ที่มีอยู่ตัวเดียว) อย่าไปเชื่อเรื่องที่จะเพิ่มสินค้าเลย เค้า หลอกคนที่อยากรวยทางลัด อยากเป็น ต้นสาย ให้ ลงทุนก่อนเยอะ ๆ คุณก็จะ กระหน่ำ สร้าง page สร้าง BLOG โปรโมทบริษัทของเขา จนมีการระดมทุนได้ระดับหนึ่งก่อน จากนั้น ก็ เป็นหน้าที่ของ ระดับผู้นำแต่ละสายที่จะต้องลงสนาม แข่งขันกัน สร้างทีมของตนเอง แน่นอน คนอยู่ต้นสายคือคนมีรายได้สูงสุด บริษัทเหล่านี้ มีการ จ่ายค่าคอมมิชชั่นหรือคืนรายได้ให้คุณแบบแปลก ๆ เช่น หัก รายได้ อีก 10% คุณก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะ ไม่มีทางเลือก อ้อยเข้าปากช้างแล้ว
พอถึงตอน ที่ เริ่มไม่มีคนสมัครเข้ามาอีก ก็ หมุนต่อไปไม่ไหว โดยธรรมชาติก็จะ ค่อย ๆ ปิดบริษัท ปิดมือถือ หาคนมาโยนความผิดให้ เช่น
1. เพิ่มสินค้าไม่ได้ เพราะ ไม่มีเงินจ่าย อย. เลยไม่ผ่านอย.
2. หุ้นส่วน หนีไปแล้ว ผมเป็นแค่พนักงาน
3. คนอื่นเค้าไม่เห็นมีปัญหา มีแต่คุณนี่แหละ อ้าว คุณรู้ได้ยังไง ว่าเค้า ไม่ทำอะไร ดิฉันได้ ล่าลายเซ็นต์ เขียนคำร้อง ไปแจ้ง ลงบันทึกไว้ที่  สคบ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกหน่วย เพราะ เหลือบแบบนี้ หากินบนความทุกข์ของคนอื่น

วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ใครๆ ก็เป็นโค้ชได้

Everyone’s a COACH 
Coaching คือ การฝึกสอน การฝึกหัด การให้ความรู้ ทุกคนสามารถเป็นผู้ฝึกสอน หรือ coach (โค้ช) ได้ค่ะ เพราะเหตุว่าการที่เป็นคนฝึกหัดคนอื่นนั้น ไม่ได้หมายความว่า คนที่ถูกฝึกหัดด้อยกว่า เพียงแต่โค้ชจะมีความรู้เฉพาะทางในเรื่องที่มาสอนนั้นมากกว่า ผ่านประสบการณ์ตรงมามากกว่า ถ่ายทอดได้ดี และมีมุมมองที่ไม่เหมือนกับคนที่ถูกฝึก เพราะคนเรามองตัวเอง วิเคราะห์ตัวเองไม่ค่อยออกหรอกค่ะ ต้องอาศัยคนอื่นมาสะท้อนให้ ดิฉันขอนำเสนอ“3 ขั้นตอนการโค้ช” ดังนี้ 
    
    1. วิเคราะห์ตัวเอง : คุณ ในฐานะที่จะเป็นโค้ช ต้องวิเคราะห์ตัวเองให้ได้ก่อน หาจุดอ่อน- จุดแข็งของตัวเองในหัวข้อต่างๆ  ให้เจอ ทั้งนี้เรื่องราวที่จะสอนส่วนใหญ่ในธุรกิจเครือข่ายคงเป็นเรื่องพื้นฐานที่จำเป็น อาทิ  การขจัดข้อโต้แย้ง, บทเชิญเข้าสู่ธุรกิจ, การพูดในที่สาธารณะ เป็นต้น ควรเลือกหัวข้อที่เป็นความถนัดของคุณเอง มาฝึก-มาสอนคนอื่นก่อน สำหรับหัวข้อที่ไม่ถนัดแต่จำเป็น ก็หมั่นฝึกฝนต่อไปค่ะ 
    2. วิเคราะห์คนอื่น : ผู้ที่จะถูกฝึก ต้องถูกคุณวิเคราะห์เป็นรายบุคคล หาจุดอ่อนเขาให้เจอแล้วแก้ไข ค้นจุดแข็งเขาให้พบแล้วเสริมเข้าไป ที่สำคัญ พยายามสร้างสายใยความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณและ ผู้ถูกฝึกไว้ด้วย จะได้ไม่ดูเหมือนครูกับลูกศิษย์มากจนเกินไป 
    3. ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง : เมื่อเลือกหัวข้อที่จะโค้ชได้แล้ว (จากความถนัดของคุณ และความไม่ถนัดของลูกทีม) การสอน นอกจากคำพูดที่พวกเขาจะต้องทำความเข้าใจ คุณต้องแสดงให้ดูเป็นตัวอย่างด้วย หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เขาลองทำเอง โดยมีคุณเฝ้ามองอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยเหลือ ท้ายที่สุด ก็ปล่อยให้เขาทำเองคนเดียวโดยมีคุณคอยมองดูห่างๆ ให้คำแนะนำ หากเขาทำได้ดีคุณต้องชื่นชมอย่างจริงใจ แต่หากพบ ข้อควรปรับปรุง สิ่งที่ควรระวังในการติ คือ พูดให้ดี ใช้น้ำเสียงนุ่มนวล อย่าให้เหมือนบังคับ หรือดุว่า ตำหนิติเตียนเขา เพราะนี่คือการติเพื่อก่อ ไม่ใช่เพื่อทำลาย อย่าให้เสียกำลังใจกันเสียก่อนนะคะ   
    Coaching เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง คนจะเป็นโค้ชรู้แต่ภาคทฤษฏี หากแต่ขาดการฝึกฝนปฏิบัติก็ไม่สามารถเก่งได้ คนถูกฝึกก็เช่นกัน ต้องเชื่อมั่นในตัวโค้ช และหมั่นซ้อม ดิฉันคงแนะนำคุณได้เฉพาะทฤษฏีพื้นฐานเท่านั้น ทักษะเกิดได้จากตัวคุณ มั่นใจในตัวเอง มุ่งมั่นในสิ่งที่หวัง แล้วทำให้ได้นะคะ 






จัดการกับความกลัวด้วย “ความกลัว (F-E-A-R)

ปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญประการหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจที่จะเป็นเจ้าของกิจการของคนทั่วไป ก็คือ “FEAR” หรือความกลัวนั่นเอง และสาเหตุของความกลัวนั้นก็มักจะมาจาก 4 เรื่องหลัก ๆ ดังนี้ คือ 
กลัวเพราะ ไม่มีเงิน  เคยได้ยินไหมคะว่า “ไม่มีเงิน ไม่มีสิทธิ์” เนื่องจากว่าการประกอบกิจการทั่ว ๆ ไปนั้น ปัจจัยที่สำคัญประการแรก คือ เงินลงทุน ซึ่งเรื่องนี้ก็มักจะเป็นปัญหาสำคัญของคนส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้  ที่คิดอยากจะทำธุรกิจแต่กลับต้องหยุดความคิดนี้ไว้ เพราะคิดว่าการทำธุรกิจหรือเป็นเจ้าของกิจการได้นั้นจะต้องมีเงินลงทุนสูง 

กลัวเพราะไม่มีเวลา  ซึ่งอาจจะมาจากหลายสาเหตุ เช่น Life style การใช้ชีวิตส่วนตัวนั้น ชอบที่จะต้องการเวลาพักผ่อน ต้องการเวลาให้กับตัวเอง ต้องการเวลาให้กับครอบครัว หรือบางคนก็อาจจะไม่มีเวลาจริงๆ เพราะเอางานกลับมาทำที่บ้านจนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนก็เป็นได้ 

กลัวเพราะ ไม่กล้าเสี่ยง  จากสถิติในอดีตที่ผ่านมา ธุรกิจกว่า 60% ต้องปิดตัวลงในระยะเวลาเพียง 2 ปีจากความไม่กล้าเสี่ยงของเจ้าของกิจการ และที่สำคัญคนที่ต้องการเป็นเจ้าของกิจการแล้วจะต้องลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ ถือว่าเป็นความเสี่ยงที่ไม่สามารถรับได้ 

กลัวเพราะไม่รู้วิธีการทำธุรกิจ  เหตุผลเพราะตนไม่เคยเรียน ไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับบัญชี การเงิน ภาษี และการตลาด ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นคุณสมบัติที่สำคัญใจการทำธุรกิจ 


 ปัจจัยทั้ง 4 ข้อนี้จึงนำมาสู่ความกลัว และไม่กล้าที่จะเป็นเจ้าของกิจการ มีเทคนิคที่จะขจัดความกลัวนี้ได้จากการใช้ “F-E-A-R” รูปแบบใหม่ซึ่งได้แก่ 
    F = Fun  ความสนุก คือ การทำธุรกิจให้สนุกและมีความสุข  ก็จะช่วยลดความกังวลต่าง ๆ ได้ แล้วทุกอย่างก็จะราบรื่น 
    E = Education  หมั่นศึกษาหาความรู้ในธุรกิจอยู่เสมอ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทำธุรกิจได้ 
    A = Ambition  การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้จะต้องมีแรงกระตุ้น ที่อยากจะประสบความสำเร็จ โดยต้องอาศัยความทะเยอทะยานในตัวเองจึงจะช่วยได้ 
    R = Responsibility คือ ความรับผิดชอบ ที่จะต้องมีอยู่เสมอ และต้องยึดมั่นในตัวเองอย่างยิ่งกับความรับผิดชอบและสำนึกที่ดีต่อทั้งทีมงานและผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณธรรม จรรยาบรรณ และการบริการ 

    ทั้ง 4 ข้อนี้จะช่วยลดและขจัดความกลัวได้ เสมือนว่าเรามีการเตรียมความพร้อมในแต่ละด้าน มีแรงกระตุ้นที่มากพอจนอยากจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ และตั้งใจทำงานให้สนุกด้วยการมองหาโอกาสและป้องกันอุปสรรค  ก็จะแก้ปัญหาความกลัวนี้ได้ อันที่จริงนั้น ความกลัวของคนเราจึงมักเกิดจากการสร้างมโนภาพและจินตนาการไปเองในทางลบ แต่หากใช้เทคนิค F-E-A-R ที่ได้นำเสนอ อาจช่วยท่านได้ จงกล้า.... เพราะโอกาสที่ดีรออยู่ค่ะ 


ทดลองสมัครเป็น Affiliate หารายได้ง่าย ๆโดยลงทุนแค่ 1599 บาทได้ที่นี่ค่ะ คลิกด้านล่างเลย
สนใจร่วมธุรกิจกับกับเราคลิ๊ก👇👇👇
#สร้างรายได้ง่ายๆ #ผ่านมือถือ
*https://t.publicecommerce.com/15H6ql*
*|https://t.publicecommerce.com/15L451
====
สอบถาม👇
Line ID: 0897072874

TEAM


การทำงานใช้ช่วงสภาพเศรษฐกิจและสังคมแบบนี้ คงต้องใช้พลังอย่างมากสำหรับทุกท่านนะคะ แต่การวิตกจนเกินไปนักจนไม่เป็นอันทำอะไร ก็มิใช่สิ่งที่ถูกต้อง ชีวิตต้องดำเนินต่อไป การทำงานของเราก็ยังคงต้องเป็นต่อไป เพียงแต่คงต้องมาปรับกลยุทธ์กันให้ฉับไว สุภาษิตกล่าวไว้แล้วค่ะว่า “คนเดียวหัวหาย” ดังนั้นสิ่งที่ช่วยฝ่าวิกฤตต่าง ๆ ได้ดี ก็คือ การมีทีมงาน (TEAM) ที่แข็งแกร่ง ท่านต้องการสร้างทีมเพื่อให้เกิดการร่วมมือ-ร่วมใจ-ร่วมกันคิด-ร่วมกันทำงาน ให้บรรลุเป้าหมาย 
คำว่า TEAM นอกจากจะหมายความถึง ผู้ร่วมงานที่คุณจะต้องฝึกฝน 
ถ่ายทอด ความรู้ให้ร่วมประสบความสำเร็จด้วยกันแล้ว ขอเพิ่มนัยยะแฝงดังต่อไปนี้ค่ะ 
    T = Teenager คำว่าวัยรุ่นในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงอายุ 13-19 ปี แต่ใช้สื่อถึงลักษณะพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น ความกระฉับกระเฉง ความแจ่มใสในการทำงาน แม้ชีวิตจริงอายุท่านนักธุรกิจจะผ่านเลยวัยรุ่นมาแล้วก็ตาม แต่การทำงานหรือพฤติกรรมต่าง ๆ ก็ยังเป็นวัยรุ่นได้ ขอให้ท่านมีความกระตือรือร้นและ Active ตัวเองอยู่ตลอดเวลา เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพตัวท่านเองและทีมงาน 
    E = Endorphine เป็นสารชนิดหนึ่งที่ร่างกายจะหลั่งออกมาเมื่อเรามีความสุข ยามอารมณ์ดี จะส่งผลให้สมองเจริญเติบโต และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดี  ฉะนั้นทีมงานที่ดีจะต้องทำให้มีความสุขร่วมกัน ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตบรรยากาศในทีมจะต้องมีความสุข อบอุ่น มีชีวิตชีวา สิ่งเหล่านี้ก็จะส่งผลให้ทีมมีความแข็งแกร่งขึ้น
    A = Ambition ทีมงานจะประสบความสำเร็จได้จะต้องมี “ความทะเยอทะยาน” เป็นตัวผลักให้ทีมเกิดความกระหายที่จะก้าวไปข้างหน้าและประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย และความทะเยอทะยานนี้จะก่อให้เกิดความคิดก้าวหน้า สร้างความมั่นใจให้กับตนเองและทีมงานได้  ในแต่ละทีมจึงควรมีความทะเยอทะยานที่อยู่ในระดับพอเหมาะ เพราะว่าหากมีมากไปก็จะกลายเป็น“ความโลภ” ซึ่งจะนำมาสู่ผลเสียในท้ายที่สุด 
    M = Moral ท่านจะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจได้อย่างยาวนาน จะต้องยึดมั่นในศีลธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจ ดังคำสอนว่า         “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” Moral หรือ ศีลธรรมนี้จะเป็นตัวประสานทีม ให้อยู่กันอย่างมีความสุข เพราะทุกคนในทีมเป็นคนมีคุณธรรม จริยธรรม มีความจริงใจซื่อสัตย์ต่อกัน พึ่งพาอาศัยกัน ร่วมมือกัน และไร้ซึ่งความอิจฉาริษยาหรือชิงดีชิงเด่นกัน ก็จะทำให้ทีมอยู่อย่างมีความสุขและขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นคงค่ะ   
    ทีมงานที่ดีและประสบความสำเร็จ นอกจากจะประกอบไปด้วยคนเก่ง กระตือรือร้น ทำงานเป็น เปี่ยมคุณธรรมแล้วนั้น ประสิทธิภาพของผลงานโดยรวมจะดี หากความขัดแย้งระหว่างสมาชิกในทีมมีน้อยมาก และสมาชิกแต่ละคนมีพฤติกรรมสนับสนุนกันและกัน มีการติดต่อสื่อสารต่อกันโดยเปิดเผย และที่สำคัญที่สุด ทุกคนต้องมีเป้าหมายเดียวกันนั่นเองค่ะ 
อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 182 ปักษ์หลัง ประจำวันที่ 16-30 มิถุนายน 2553 





เหตุแห่งการปฏิเสธ ธุรกิจขายตรง


ท่านนักธุรกิจเครือข่ายหลายท่านอาจมีข้อสงสัยว่า ทำไม ? เพราะอะไร? กลุ่มคนจำนวนหนึ่งยังคงปฏิเสธที่จะมาร่วมทำธุรกิจขายตรง ทั้ง ๆ ที่ธุรกิจมีความสวยงาม และมีข้อดีมากมายในการที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่ตนเองและครอบครัว อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีและความมั่นคงในอนาคต

 แต่ทุกท่านทราบไหมคะว่า บางครั้งเขาอาจไม่ได้ปฏิเสธธุรกิจขายตรง แต่เขากำลังปฏิเสธวิธีการชักชวนของนักธุรกิจขายตรง ที่มีรูปแบบและวิธีการชักชวนที่ไม่เหมาะสม เรามาดูกันดีกว่านะคะว่า รูปแบบของการเชิญชวนผู้มุ่งหวังเข้าสู่ธุรกิจที่ไม่ประสบความสำเร็จมาจากสาเหตุอะไรบ้าง

                    1.    บุคลิกไม่สอดคล้องกับเรื่องที่พูด  บุคลิกถือเป็นกุญแจดอกแรกที่จะไขประตูเข้าสู่หัวใจของผู้มุ่งหวัง การแต่งการที่เหมาะสม ดูส่งเสริมเนื้อหาของเรื่องที่จะพูดจึงเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้นการใส่ใจในบุคลิกของตนเองจะทำให้สร้างความน่าสนใจและน่าเชื่อถือได้มากขึ้นนะคะ

                   2.    พูดแต่เรื่องธุรกิจขายตรงอย่างเดียวพูดเรื่องอื่นไม่เป็น  การพูดลักษณะนี้จะทำให้ผู้พูดดูสนใจแต่เรื่องของตัวเอง ไม่สนใจเรื่องของผู้มุ่งหวังว่าเขาอยากจะฟังเรื่องอะไร เพราะฉะนั้นเราควรพูดในประเด็น  อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายตรงทางอ้อม เช่น เรื่องท่องเที่ยว เรื่องสุขภาพ เรื่องการเงิน หรือเรื่อเศรษฐกิจ ก็สามารถเปิดใจได้เช่นกันค่ะ

                   3.    ไม่มีกาลเทศะ และสร้างความกดดันมากเกินไป  อาจเกิดจากการเข้าพบที่ผิดเวลา หรือผิดสถานที่ เช่น รบกวนเวลาพักผ่อนของผู้มุ่งหวังมากเกินไป หรือไปในสถานที่ส่วนตัวของผู้มุ่งหวังไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงาน แล้วใช้เวลานานเกินไป ก็อาจถูกปฏิเสธได้เช่นกัน รวมทั้งการใช้ลีลาการพูด และเนื้อหาที่สร้างแรงกดดันให้แก่ผู้มุ่งหวังจนทำให้ธุรกิจนี้ดูน่ากลัวนะคะ

                   4.    พยายามเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้มุ่งหวังตลอดเวลา  ซึ่งมักจะได้ยินบ่อย ๆ ว่าเขาควรจะต้องเปลี่ยนความคิด จะต้องเปลี่ยนการดำเนินชีวิต หรือบริหารเวลาใหม่ คำพูดลักษณะนี้เป็นคำพูดที่ไม่ผิด แต่อาจจะเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบเข้าไปอยู่ในกฎเกณฑ์ หรือมีเงื่อนไขในชีวิตมากเกินไป คนที่ไม่อยากมีชีวิตวุ่นวาย จะปฏิเสธธุรกิจขายตรงทันทีค่ะ

                    5.    พูดแล้วมองเห็นความเหนื่อยมากกว่าความสุข  เกิดจากการที่เราอธิบายวิธีการทำงานที่พูดเรื่องยาก ๆ ก่อนจะพูดเรื่องง่าย ๆ จนทำให้ผู้มุ่งหวังรู้สึกว่าการจะได้เงินจากธุรกิจนี้จำเป็นต้องใช้ความอดทนสูง และต้องทำงานหนัก ซึ่งเราควรจะค่อย ๆ อธิบายเรื่องธุรกิจโดยให้ผู้มุ่งหวังมองเห็นความเป็นไปได้จริง และมองเห็นโอกาสที่น่าสนใจก่อนค่ะ

                    6.    อธิบายข้อมูลไม่ชัดเจนและตอบคำถามไม่ตรงประเด็น การนำเสนอที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจน ย่อมก่อให้เกิดความไม่มั่น ใจในธุรกิจ อีกทั้งยังตอบคำถามได้ไม่กระจ่างชัด ทำให้ผู้มุ่งหวังขาดความเข้าใจในธุรกิจขายตรง หรือได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วนก็อาจส่งผลให้ธุรกิจขายตรงมีความน่าสนใจลดลงได้ เราจึงควรมีข้อมูลและความรู้ในเรื่องธุรกิจมากพอสมควร เพื่อความสำเร็จในการเปิดใจผู้มุ่งหวังค่ะ

ถ้าหากท่านนักธุรกิจเครือข่ายทั้งหลายอ่านแล้วรู้สึกว่าเรามีข้อใดข้อหนึ่งใน 6 ข้อนี้ ก็ให้รีบแก้ไขโดยด่วนนะคะ เพราะผู้บริโภคในยุคนี้พิถีพิถันในการตัดสินใจมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกบริษัทขายตรงและการเลือกอัพไลน์ค่ะ