ทุกคนล้วนอยากจะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก หรือเรื่องใหญ่
ถ้าสามารถทำให้เสร็จลุล่วงก็ล้วนแต่เป็นความสำเร็จ ถึงเส้นชัย จบงาน ก็เป็นความสำเร็จ
ได้ทำงานในบริษัทดี ๆ ก็เป็นความสำเร็จ ตั้งบริษัทของตัวเอง ก็เป็นความสำเร็จ ได้ยศได้ลาภ ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จ มันมีหน้าตาที่หลากหลาย บางคนอยากจะทำเรื่องใหญ่ๆ ให้สำเร็จ หรือบางคนแค่ทำอะไรบางอย่างเล็ก ๆในชีวิตก็ถือว่า เติมเต็มชีวิตแล้ว (ใช่มั๊ย?)
แต่ส่วนมากแล้วทางเดินมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่มันอาจจะโรยด้วยหนาม กับระเบิด กำแพงเหล็ก ที่กว่าจะผ่านไปได้ ต้องเรียกว่า เลือดต้องแลกด้วยเลือดกันเลยทีเดียว
ผม แมกส์ จากวิศวกรไฟฟ้า นักดนตรี Sound Engineer สู่การเป็น Software Engineer ที่อเมริกา กว่าจะมาถึง ผมก็เหมือนหลายๆคนที่ต้องผ่านอุปสรรค เจอกับระเบิด กำแพงชีวิต ทางอ้อม ทางตัน กว่าจะได้มาถึงจุดหมายที่ตั้งใจ ได้มายืนในที่ที่ใช่ ที่ที่เป็นความสำเร็จใหญ่ระดับนึงในชีิวิต ตอนนี้
วันนี้ผมมี 6 สิ่งที่คุณควรจะทำมันให้เก่ง ให้ดี ถ้าไม่อยากเป็นคนที่ล้มเลิกทำอะไรไม่เคยสำเร็จซักอย่าง หรือพูดง่ายๆว่า ไม่อยากไม่ประสบความสำเร็จนั่นแหละ
1. ยอมรับตัวเอง
คนส่วนมากรู้ว่าเราอยากได้อะไร แต่ไม่เคยมองย้อนกลับมาดูว่า “เราควรจะได้มันไหม?” ถ้าคนคนหนึ่ง มัวแต่เพ้อฝัน ว่าซักวันนึงมันจะมาถึงมือเราเอง บอกเลยว่าวันนั้นมาไม่ถึงแน่นอน ถ้ายังมัวแต่นั่งฝันไม่ได้ทำอะไร
ดังนั้น สิ่งแรกที่เราต้องทำก่อนเลย ก็คือ เราควรจะรู้และยอมรับตัวเองเสียก่อนว่า ตอนนี้เราอยู่ตรงไหน ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ไกลแค่ไหนกว่าจะถึงเป้าหมายที่เราอยากได้ ความจริงมันอาจจะน่าเกลียด ไม่น่ามอง แต่ต้องยอมรับให้ได้ ไม่งั้นก็ออกไปจากตรงนี้ ไปสู่ความจริงที่ดีกว่านี้ไม่ได้หรอก
ผมมีตัวอย่างผมมีเพื่อนคนนึงอยากลดน้ำหนักมากเลย แต่กลัวไม่กล้าชั่งน้ำหนัก เพราะกลัวรับความจริงไม่ได้ (งงอ่ะดิ)เออ…ผมก็งง…ถ้าเราไม่รู้น้ำหนักเริ่มต้นก่อน แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเราลดไปแล้วกี่กิโล?….ลดไปแล้วเท่าไหร่? เหลืออีกเท่าไหร่?
หรือ บางคนไม่ยอมรับว่าตัวเองอ่อนพื้นฐาน คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว ผ่านเวลามานานแล้ว มันควรจะโอเคแล้ว ไม่ต้องทำไรต่อ แบบนี้ มันก็เท่ากับว่าเค้ากำลังหยุดยืนอยู่ที่เดิม แต่ว่าความจริงแล้ว เวลามันไม่ได้หยุดเดินเหมือนที่เค้าหยุด…เค้ากำลังถอยหลังด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับโลก และสิ่งรอบตัว
ยอมรับตัวเอง คือการยอมรับความจริง ที่มีโอกาสจะพาเราไปที่ที่ดีกว่าเดิม
2. เลิกหาข้ออ้างได้แล้ว
มันง่ายมาเลยนะที่จะบอกว่า “อ่ออ มันไม่เวิร์คเพราะไอ้นั่น ไม่ดีเพราะไอ้นี่ แต่ฉันไม่ผิดอะไรเลย” แต่เราควรคิดว่า “เราพลาดไปแล้ว ทีนี้เราจะแก้ไขมันอย่างไร? ให้ไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก”
“เราได้เรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดครั้งนี้”
เลิกหาข้ออ้างให้ตัวเองรู้สึกดี แบบที่ดีแบบหลอกๆไปวันๆ เพราะมันไม่ได้ช่วยให้เราต่อยอดและพัฒนาขึ้นเลย…
เลิกหาข้ออ้าง เริ่มมองหาโอกาสดีกว่าไหม?
3. โฟกัส
ผมเคยอยากทำหลายอย่างมากพร้อมๆกัน ทำอันนี้ พร้อมกับทำอันนั้นไปด้วย 2-3 อย่างพร้อมๆกัน ไอเดียนี้ก็น่าโดน อันนั้นก็น่าทำ ทำแม่งหมดทุกอย่างพร้อมๆกัน โดยคิดเข้าข้างตัวเองว่าเราเก่ง เราทำได้โว้ยย แต่สุดท้าย ไม่เป็นชิ้นเป็นอันซักอันเลย เละเทะมาก
กลับมาย้อนคิดว่า ถ้าเราอยากจะทำอะไรซักอย่างให้เสร็จหรืออยากจะประสบความสำเร็จกับอะไรซักอย่างในชีวิต เราควรตัดสินใจเลือก “สิ่งที่เราคิดว่าเราอยากเห็นมันเสร็จสำเร็จอย่างแรก (prioritize)” เลือกแล้วทำมันอันเดียวให้สำเร็จ ลืมสิ่งอื่นๆ ไอเดียอื่นๆ ที่อยากทำไปก่อน เพราะพวกนี้ไม่ใช่ priority ที่เราเลือก ทำสิ่งนี้สิ่งเดียว อันเดียว แล้วลุยอันนั้นอันเดียว เอาอันนี้ให้ดีที่สุดแล้วค่อยว่ากันว่าจะทำอะไรต่อ คนเรามีเวลาจำกัดพยายามทำทุกอย่างพร้อมๆกันมันไม่มีทางเลยที่จะทำได้ วิธีทำแบบนี้มันเหมือนเราเอาเข็มแทงที่เดิมๆ จนกว่าจะทะลุ แทนที่เราจะแทงจุดใหม่ไปเรื่อยๆ ที่มันไม่มีทางทะลุแน่นอน
ความสำเร็จบางอย่าง ต้องใช้ความพยายามสูง ต้องใช้เวลาที่เหมาะสม เราต้องให้เวลาและลงแรงกับมันเต็มที่ สมกับที่มันเป็นเป้าสำคัญที่จะไปให้ถึง ไม่ใช่ทำไปเรื่อยๆ อันละนิดละหน่อย มันจะไม่ถึงสักอัน
4. วินัย
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมี เจออะไรนิดนึงก็ท้อ ไม่เอาแล้ว เหตุผลเพราะมันยาก พอยากก็บอก “ไม่เอาแล้ว” คนพวกนี้ไม่แนวแน่พอ
มีคนเคยมาถามว่าอยากเก่งภาษาอังกฤษต้องทำยังไง? ผมบอกให้ทุกเช้าสิ่งแรกที่ต้องทำ15นาทีหลังลืมตาเลย ไม่ใช่อาบน้ำแปรงฟันนะคือหยิบมือถือมาเปิดข่าวภาษาอังกฤษพวก Bangkok Postก็ได้ อ่านข่าว 1 ข่าวเป็นภาษาอังกฤษ
คนทำทุกวันมันก็ได้ คนที่ไม่ทำมันจะไปได้ได้ยังไง…
แล้วพอถามว่าทำไมไม่ได้…ก็ย้อนกลับไปข้อ 2 คือมีสารพัดข้ออ้างที่จะยกมาเพื่อทำให้ตัวเองสบายใจ…
ตอนสมัยมหาลัยผมได้ไปเรียนกีต้าร์กับอาจารย์ท่านนึงอาจารย์ท่านเก่งมากๆ เล่นได้ทุกแนว Rock, Blues, Jazz, Country, Fusion แค่ดนตรีขึ้นแกเล่นตามได้หมด วันนึงอาจารย์สอนลูกกีต้าร์ลูกนึงที่ยากมาก ๆ มันทั้งเร็ว ทั้งยาก ผมเล่นเป็นชั่วโมง..ทำยังไงก็เล่นไม่ได้เหมือนที่อาจารย์เค้าเล่นให้ดู… ผมเลยถามอาจารย์ที่สอนกีต้าร์ผมว่า “อาจารย์ครับอันนี้ยากมากเลยครับเล่นไม่ได้เลย ตอนอาจารย์ฝึก..อาจารย์ทำยังไงครับ” อาจารย์เค้าตอบมาสั้นๆว่า “เราต้องเอาชนะมันให้ได้” คำนั้นมาก้องอยู่ในหัวผมทุกครั้งเวลาเจอปัญหายากๆเสมอ…“เราต้องเอาชนะมันให้ได้”
เราจะยอมแพ้มันตรงนี้ได้ยังไง…เรามีเป้าหมายใหญ่กว่าที่ต้องทำให้สำเร็จ เราต้องเอาชนะมัน ก้าวข้ามมันไปให้ได้ดิ!
วินัยที่เราต้องมี เพื่อที่จะก้าวไปถึงจุดที่ต้องการ มันคือ วินัยในการฝึกตน ต่อสู้ และพยายาม
5. มีความสุข
บางทีเราคอยมองเป้าหมายจนลืมว่า เรายังทำไม่ถึงเป้าหมายเราก็มีความสุขได้นะ
มีความสุขกับทุกวันที่ได้ลงมือทำ เพราะทุกๆครั้งที่เราลงมือทำนั้นแปลว่าเรากำลังเดินเข้าใกล้เป้าหมายของเรามากขึ้นเท่านั้น
*ยิ่งทำมาก ยิ่งต้องมีความสุขมากๆ *
สิ่งนี้จะช่วยเสริมพลัง กำลังใจให้เราเดินต่อไป ทำเพื่อสิ่งที่เราต้องการด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น และมีพลังในมือมากกว่าด้วย ถ้ายังไงเราก็ต้องเดินไปข้างหน้า เลือกทัศนคติในการเดินไป ให้เรามีความสุขดีกว่า
6. เลิกฟังคนอื่น
*ความสำเร็จมันอยู่ที่ใจ ไม่ใช่จากคำพูดคนอื่น *การประสบความสำเร็จมันก็เหมือนเราปีนขึ้นบันไดขั้นนึงสำเร็จ เราทำสำเร็จอย่างนึง เราก็จะเจออีกอย่างนึงที่อยากจะทำให้สำเร็จ
มันมาได้อีกเรื่อยๆ ความสำเร็จของเรา อาจจะไม่เท่าความสำเร็จของเพื่อนเรา
เพราะฉะนั้น เอาตัวเราไปเทียบกับเพื่อน หรือว่าเอาความคิดของเพื่อนมาใส่ในหัวก็ไม่ได้เช่นกัน
เพราะคนอื่นไม่ได้มาใช้ชีวิตกับเรา ไม่ได้มาหายใจแทนเรา เพราะฉะนั้นตัวเราของเราควรจะต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่อยู่ด้วยการลมหายใจของคนอื่น…
Listen to yourself, Make your final decision!
สรุป
6 ข้อนี้ นำทางผมมา ถ้าไม่มี 6 ข้อนี้ ผมคงมาได้ไม่ถึงที่นี่ คือ ได้มาทำงานที่อเมริกา จากวิศวกรโรงงานต่างจังหวัดที่ไทย ทุบหม้อข้าว มาเรียนต่อที่อเมริกา ทำงานหาเงินไปจ่ายค่าเทอมระหว่างเรียน ดิ้นรนหาโอกาสใหม่ๆที่จะพาเราไปถึงฝั่งฝัน โดนปฏิเสธงานครั้งแล้วครั้งเล่า ในวันที่ทุกคนแย่งงานกัน จนสุดท้ายได้มันมา
ผมผ่านประสบการณ์ที่เรียกว่าโคตรลำบาก จากไม่มีตังค์แม้แต่จะซื้อจักรยานไปทำงาน ต้องเดินตากหิมะ จนถึงวันนี้ที่เรียกได้ว่า ชีวิตดีดี๊ ซื้อบ้านซื้อรถได้ ไม่ต้องไปลำบากเป็นภาระคนอื่น ดูแลครอบครัวได้ มีความสุขกับงาน กับชีวิตที่ใช้ผมเชื่อว่า ทั้ง 6 ข้อนี้ จะสามารถช่วยคุณได้ อย่างที่มันช่วยพาผมมา
อย่างที่บอก นี่คือ มุมมองจากชีวิตผม ใครที่คิดว่ามีอย่างอื่นที่ควรจะใส่เพิ่ม ทำอีกนอกเหนือจาก 6 ข้อที่ผมกล่าวไว้ มาช่วยกัน comment ด้านล่างเลยนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น