ข่าว ธุรกิจออนไลน์ 100%

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2565

MEDIAS / สื่อทุกสำนัก

WATCH THIS EVERYDAY AND CHANGE YOUR LIFE - Denzel Washington Motivational Speech 2021

 

ธุรกิจ Dropship คืออะไร คลิปนี้มีคำตอบ

 

Affiliate คืออะไร? งานออนไลน์ 100% ใข่ไหม?

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับ Affiliate ในเบื้องต้นกันก่อนนะคะ
Affiliate คือ ระบบตัวแทนจำหน่ายค่ะ ง่ายๆคือ เมื่อเราสมัครเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเวบไซต์ที่ให้บริการหรือให้เราเป็นตัวแทนจำหน่าย เมื่อสมัครผ่าน ทางเวบที่เราสมัครจะมีโค๊ต ลิ๊ง สินค้าหรือลิ๊งแนะนำ
ให้เรานำไปโปรโมทในที่ต่างๆ เมื่อมีคนสนใจซื้อสินค้าระบบจะคำนวนค่าคอมมิชชั่นให้เราโดยอัตโนมัต เวบแนะนำคือ ดรอปริช ค่ะซึ่งทำเป็นอาชีพเสริมได้ ใครก็ทำได้ค่ะถ้าลงมือทำ ผลตอบแทนรายได้รับจริงค่ะ

     ข้อดีของการทำ Affiliate
1.ไม่ต้องสต๊อคสินค้า ไม่ต้องเสี่ยงเรื่องต้นทุน ซึ่งถือว่าเป็นการดีมากๆค่ะ
2.แน่นอนค่ะไม่ต้องส่งสินค้าเองค่ะ
3.ไม่มีเวบไซต์ก็ทำได้ค่ะ(เฉพาะบางเวบ) สามารถโพส โปรโมทในที่ต่างๆโดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้มากมายค่ะ     
    ข้อเสีย คือ
1.คนทำกันเยอะ คู่แข่งเยอะ
2.ไม่รู้เริ่มต้นอย่างไรสำหรับมือใหม่
3.ไม่รู้ว่าจะเลือกทำกับที่ใหนดี

      ด้วยเหตุผลที่ดิฉันเจอจากประสบการณ์จริง จึงอยากจะแบ่งปัน แนะนำเพื่อนๆเพื่อไม่ให้เสียเวลาลองถูกลองผิดค่ะ สิ่งที่ดิฉันมาแนะนำวันนี้ขอให้คนที่ยังไม่ค่อยมีความรู้ จงพัฒนาความรู้และพยายามทำให้สำเร็จอย่ายอมแพ้นะคะ เราทำได้ให้คิดว่าเราทำได้ ในที่สุดเราก็จะทำได้ค่ะ

หนังสือที่ต้องอ่าน

  




อยากให้ทีมของคุณไปไกล ทำยอดขายทะลุเป้า 4 เล่มนี้ ด่วนๆ หาซื้อได้ที่ร้านหนังสือ ทั่วไปจ้า บันเทิงแน่นอน


รีวิว



เรื่องการเงิน และการลงทุนนั้น เป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคั​ญ​อย่างมากสำหรับชีวิตของทุกคน โดยเฉพาะ​อย่างยิ่งคนที่อยู่ในวัยทำงาน แน่นอนว่าวิธีการสร้างรายได้ และเพิ่มรายได้โดยการลงทุนนั้นมีหลายวิธี​ และวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับคนที่กำลังเริ่มต้นก็คือการหาความรู้

วิธีการที่ผู้เขียนชอบในการหาความรู้คือการอ่านหนังสือ และหนึ่งในหนังสือเกี่ยวกับการเงิน และการลงทุน ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ก็คือหนังสือชุด 'พ่อรวย'​ ที่เขียนโดยคุณโรเบิร์ต คิโยซากิ นั่นเอง

หนังสือของคุณโรเบิร์ต​แต่ละเล่มต่างก็มีใจความสำคัญ​แตกต่างกันไป แต่มีเป้าหมายเหมือนกันคือเปิดมุมมองทางการเงินให้แก่ผู้อ่าน เพื่อให้เป็นอิสระทางการเงินได้โดยเร็ว​ ซึ่งหนังสือแต่ละเล่มของคุณโรเบิร์ต​ก็ช่วยให้ใครหลาย ๆ คน สามารถสร้างฐานะได้เร็วขึ้นเป็นจำนวนมาก

หนึ่งในความรู้เรื่องของการลงทุนที่คุณโรเบิร์ต​มักย้ำกับผู้อ่านเสมอในหนังสือแต่ละเล่มคือการทำธุรกิจ และแน่นอนว่าการทำธุรกิจสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน และหนึ่งในหนังสือที่พูดถึงการทำธุรกิจประเภทหนึ่งเอาไว้อย่างดีเยี่ยมนั่นก็คือหนังสือ The Business School ที่จะมารีวิวในวันนี้

หนังสือเล่มนี้เน้นไปที่การทำธุรกิจแบบเครือข่าย ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบที่ได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้โดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์​ สังเกตได้ง่าย ๆ จากแบรนด์​ต่าง ๆ ที่มีการรับสมัครตัวแทนจำหน่ายโดยแบ่งออกเป็นแต่ละระดับ หรือที่เรียกกันว่าดาวน์ไลน์นั่นเอง

สำหรับใครที่ได้รู้จักตัวอย่างมาแล้วคงจะมีบางส่วนที่รู้สึกอคติกับธุรกิจแบบเครือข่าย ไม่ว่าจะด้วยเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ไม่ว่าคุณ​จะเป็นคนที่สนใจ หรือมีอคติกับธุรกิจแบบเครือข่าย เมื่อมาอ่านหนังสือเล่มนี้ความคิดของคุณจะเปลี่ยนไปในทันที

Lifelong Learners 101: อะไรเป็น ‘ตัวกระตุ้น’ ให้เราเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต


พอเข้าสู่โลกการทำงาน แน่นอนว่าเราต้องเคยได้ยินสัก 1 คำในประโยคนี้

‘เราต้องอัปสกิล (Upskill) รีสกิล (Reskill) เป็นคนยืดหยุ่น และมี Growth Mindset!’


องค์กรยุคใหม่พูดถึงคุณลักษณะเหล่านี้อยู่บ่อยๆ และต่างคาดหวังให้พนักงานเป็น “Lifelong Learners” หรือ นักเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อตอบรับกับการพัฒนาอันรวดเร็วของเทคโนโลยีรอบๆ ตัว เราจะเห็นว่าฝ่าย HR สนับสนุนเป็นอย่างยิ่งให้พนักงานเข้าอบรม เข้าฟังสัมมนา หรือลงคอร์สเรียนเพื่อพัฒนาทักษะใหม่ๆ

โดยลืมไปว่า.. พนักงานอยากเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จริงหรือเปล่า?

จริงอยู่ว่าทักษะกล่าวมานี้จะกลายเป็น ‘เครื่องมือสำคัญ’ สำหรับพนักงานในอนาคตทั้งอันใกล้และไกล แต่ปัญหาอยู่ตรงที่พนักงานจำใจเรียนรู้ด้วย ‘ความจำเป็น’ และ ‘ความกลัว’ ว่าจะตกงานในอนาคต ไม่ใช่เพราะอยากเรียนรู้จริงๆ

แล้วอะไรล่ะที่เป็นแรงผลักดันให้คนคนหนึ่งกลายเป็น “Lifelong Learners” ?

บทความของจอห์น เฮเกล จาก Harvard Business Review ได้สำรวจทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต ว่าอะไรที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้คนคนหนึ่งอยากเรียนรู้ อะไรที่ไม่ใช่ตัวกระตุ้นที่ดี และบริษัทจะทำให้พนักงานอยากเรียนรู้ได้อย่างไร

ทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน

ปัจจุบันบริษัทเพิ่มทักษะให้พนักงานอย่างไรบ้าง? แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นการให้ลงคอร์สเรียนทักษะต่างๆ แต่จอห์น เฮเกล ผู้เขียนมองว่า ปัญหาของโปรแกรมพัฒนาทักษะเหล่านี้ คือ มันเพียงแต่หยิบยื่นความรู้ที่มีอยู่แล้วให้ (ซึ่งบนโลกที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ความรู้นั้นอาจจะกลายเป็นเรื่องเก่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า) ไม่ได้กระตุ้นให้พนักงานอยากเรียนรู้ด้วยตนเอง

ส่วนอีกปัญหาที่ใหญ่ไม่แพ้กัน คือ ผู้เรียนนั้นไม่ได้อยากเรียนรู้เพื่อตอบความสงสัย แต่เรียนเพราะ ‘กลัว’ ไม่ว่าจะกลัวตกเทรนด์ กลัวโดนหุ่นยนต์แย่งงาน หรือกลัวว่าจะล้าหลังคนอื่นๆ ความกลัวไม่ใช่แรงกระตุ้นในการเรียนที่ดีเลย ลองนึกภาพเราสมัยเป็นนักเรียนดูก็ได้ การต้องจำใจเรียนเพราะถูกขู่ ดุด่า หรือลงโทษนั้นไม่ได้ส่งผลดีในระยะยาว และเราก็รู้เรื่องนั้นดี

หากไม่ใช่ความกลัว อะไรล่ะจะผลักดันให้เราอยากเรียนรู้?

The Passion of the Explorer แรงขับเคลื่อนของนักเรียนรู้ตลอดชีวิต

จากการศึกษาค้นคว้าในพนักงานกว่า 1,300 คนจากอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต่างกันถึง 15 ประเภท รายงานพบว่าสิ่งที่กระตุ้นให้คนเราเรียนรู้และเติบโตได้ดี คือ “Passion of the Explorer” หรือแพชชันในการค้นคว้านั่นเอง

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2565

Business Academy

 Learn ways to build your brand and connect with customers with Business Academy. เรียนรู้วิธีสร้างแบรนด์ของคุณและเชื่อมต่อกับลูกค้าด้วย Business Academy


Business Academy

โมดูล 1ชนะใจลูกค้า

มาสำรวจโลกของโพสต์ที่น่าดึงดูดใจและมีคุณภาพสูงและทบทวนเคล็ดลับไม่กี่ข้อที่คุณสามารถใช้เพื่อสร้างโพสต์ที่มีประสิทธิภาพกันเถอะ

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโพสต์

โพสต์ที่ดีเป็นอย่างไร

โพสต์สามารถช่วยเตือนผู้คนในฟีดเกี่ยวกับสินค้าและบริการของคุณ หากคุณไม่เคยโพสต์มาก่อน เราขอแนะนำให้คุณสร้างโพสต์ที่แนะนำธุรกิจและข้อเสนอของคุณให้กับผู้ติดตาม

เมื่อคุณพร้อมที่จะสำรวจฟีเจอร์เพิ่มเติม คุณสามารถเพิ่มปุ่ม, รูปภาพ, วิดีโอ และอื่นๆ อีกมากมายเพื่อทำให้โพสต์ของคุณน่าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น วิธีนี้สามารถเปิดโอกาสให้กับคุณในการเชื่อมต่อกับลูกค้าเป้าหมายได้

ลองเพิ่มปุ่ม Messenger ลงในโพสต์เพื่อให้ผู้คนทราบว่าคุณพร้อมที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ

บอกเล่าเรื่องราวของคุณ

วิธีเริ่มการสนทนาที่ต่อเนื่อง

ทุกธุรกิจมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน แต่การสร้างความไว้วางใจระหว่างธุรกิจและลูกค้านั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เราจะสำรวจวิธีสร้างเนื้อหาที่ก่อให้เกิดความไว้วางใจและความสงสัยใคร่รู้ไปด้วยกัน

หนึ่งวิธีในการสร้างความเชื่อมั่นคือการแสดงด้านที่เป็นส่วนตัวของธุรกิจคุณ

หัวข้อส่วนหนึ่งสำหรับโพสต์ส่วนตัวมีดังต่อไปนี้

ธุรกิจของคุณเริ่มต้นขึ้นมาอย่างไร

สิ่งที่ทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นไม่เหมือนใครในวัฒนธรรมของคุณ

ธุรกิจของคุณเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและการขอรับความช่วยเหลือ

10 สิ่งที่เราควรลงทุนให้มากกว่าเงิน

 10 สิ่งที่เราควรลงทุนให้มากกว่าเงิน 

ของ Warren Buffett




วอร์เรน บัฟเฟตต์ ผู้ที่ครั้งนึงเคยเป็นชายที่รวยที่สุดในโลก เป็นปรมจารย์ด้านการลงทุน ซึ่งวันนี้บริษัทโฮลดิ้งของบัพเฟตต์ Berkshire Hathaway (เบิร์กไชร์ ฮาธาเวย์) มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก ทั้งที่บริษัทอื่นๆในอันดับ 1 - 8 เป็นบริษัทที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีทั้งหมด แต่มีบริษัทของบัฟเฟตต์บริษัทเดียวที่เป็นบริษัทที่ทำด้านการลงทุน

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นเศรษฐีใจบุญ เป็นผู้บริจาคเงินมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกอีกด้วย

  วันนี้ เรา มาดูกันว่า หากอยากประสบความสำเร็จอย่างเขา นอกเหนือจากเงินแล้ว มีอะไรบ้างที่ เราควรให้ความสำคัญในการลงทุน จากมุมมองของ วอร์เร็น บัฟเฟตต์ ใน 

 10 สิ่งที่เราควรลงทุนให้มากกว่าเงิน

1.ลงทุนในตัวเอง (สินทรัพย์ที่มีค่าที่สุด)

 ห​าสิ่งที่คุณรักให้เจอ

จริงๆแล้วบัฟเฟตต์ ชอบเกมการลงทุน ไม่ได้ชอบเงิน หากคุณไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร มีวิธีคิดง่ายๆคือ มีงานอะไรที่ต่อให้รวยล้นฟ้า คุณก็จะทำงานงานนี้ นั่นแหละสิ่งที่คุณรัก

2.ลงทุนในความรู้ 

บัฟเฟต์ อ่านหนังสือวันละ 5-6 ชม อ่านหนังสือพิมพ์วันละ 5 ฉบับ การอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุด คือหัวใจสำคัญที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในวันนี้ แต่แค่การอ่านหนังสือนั้นไม่พอ สิ่งที่ยากกว่าการเรียนรู้จากหนังสือก็คือ การเรียนรู้จากคน เรียนรู้จากหนังสือแล้วคุณต้องเอาไปใช้กับคน

รู้สึกชีวิตไม่ไปถึงไหน ทำไงดี

 "จริง ๆ ก็ยินดีกับเพื่อนนะ ที่ก้าวหน้า มีครอบครัวดี ๆ แต่เราล่ะ ยังไปไม่ถึงไหนเลย แอบเครียดและน้อยใจตัวเองลึก ๆ" วันนี้ติน่ามีวิธีแก้มาฝากค่ะ 

ข้อแนะนำ 2 ข้อที่คุณทีน่าแนะนำก็คือ

ข้อ 1 โอเคกับสองข้างทางของเรายกตัวอย่างเช่นเราเดินทางไปเชียงใหม่แล้วขับรถไปเราบางครั้งเราก็ต้องการแวะข้างทางอาจจะแวะกินข้าวแวะชื่นชมวิวข้างทางถ่ายรูปแวะพักผ่อนคุยกันกับเพื่อนไม่ใช่นั่งอุดอู้อยู่ในรถไปจนถึงเป้าหมายปลายทางแล้วค่อยพักผ่อนนั้นการที่เราแวะสองข้างทางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

จำไว้ว่าทุกคนมีเวลาของตัวเองอย่าเอาเวลาของตัวเองไปเปรียบเทียบกับเวลาของคนอื่นเธอคงจะหมายถึงว่าในช่วงเวลาของเราเนี่ยอาจจะมีหลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิตซึ่งจะกลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้เราไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางเร็วเท่ากับเพื่อน 


ข้อ 2 คือ เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นโดยเด็ดขาดขีดเส้นใต้เด็ดขาดถ้าสาเหตุที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกอิจฉาเขาหรือรู้สึกไม่ดีเมื่อเราเห็นคนที่เราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบ

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2565

สิ่งที่ซ่อนไว้ในแผนการจ่ายผลตอบแทน

ธุรกิจขายตรงจะมีแผนการจ่ายผลตอบแทน (Compensation plan) หรือบางที่เรียกแผนการตลาด (Marketing plan) เพื่อให้สมาชิกทำงานตามแผนและได้รับคอมมิสชั่นจากการสร้างองค์กรธุรกิจ แผนจะต้องถูกยื่น สคบ เพื่อเป็นหลักฐานและช่วยคุ้มครองผลประโยชน์ให้สมาชิกที่สมัครเข้ามาเป็นตัวแทนขาย (Distributor) ว่าจะได้รับคอมมิสชั่นตามที่บริษัทประกาศไว้จริงๆ


ยุคเดิมของ MLM เป็นแผนที่ต่อยอดเพิ่มจากธุรกิจ Single ธรรมดาคือ คือขายของได้รับกำไร และรับค่าคอมมิสชั่น ชั้นเดียวจากการหาสมาชิกตรงเอง (sponsor) ต่อมา เห็นว่าเมื่อชวนคนมาขายของ ก็ต้องช่วยเขาหาสมาชิกด้วย เพื่อให้กำลังใจจากงานที่ลงไปทำและแฟร์กับอัพไลน์ที่ลงไปทำงานลึกหลายชั้นมากขึ้น จึงเกิดการจ่ายเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปให้อัพไลน์ชั้นถัดไปด้วย และนั่นเอง คือสิ่งที่เรียกกันใหม่ ว่าการตลาดหลายชั้น (Multilevel Marketing Plan – MLM)

เทคนิคการปิดการขาย

 

การปิดการขาย เทคนิคสำคัญของนักขายมืออาชีพ พร้อมหลักสำคัญในการปิดการขาย
      


การปิดการขาย ถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจการขาย ไม่ว่าจะเป็นการขายในรูปแบบทั่วไป หรือการขายผ่านทางระบบออนไลน์ก็ตาม ซึ่งก็มีสูตรการขายที่จะทำให้การขายง่ายดายยิ่งขึ้น

การเข้าพบ สำหรับการเข้าพบหรือนัดพบกับลูกค้า จะต้องเตรียมการให้พร้อมตามลำดับ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนหรือยุ่งยากตามมา โดยเริ่มแรกให้กำหนดรายชื่อของลูกค้าที่ต้องพบก่อน จากนั้นเตรียมการนัดหมาย และเมื่อถึงวันนัดก็ควรไปให้ตรงเวลาหรือไปก่อนเวลาอย่างน้อย 10-15 นาที จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้ดี

MLM Compensation Plans: Maxtrix, Stair Step, Unilevel, and More

A Conversation with Jeff Babener Video Series: Learn about the difference between the various compensation plans and how distributors are compensated with each plan. It's called multi-level marketing since distributors are compensated at each level as they recruit more consultants. How many levels are distributors compensated at? Learn about breakaway compensation plans. Learn the difference between sponsors and recruits. Get the definition of each unique compensation plan and which plans are most common and which are less successful. How many levels deep is it most common to go, and legal, to go? When does a compensation plan become a lottery, which is considered legal by many states? Which programs have stood the test of time, and which have gone by the wayside? Which compensation plan should you choose so that your company is legal and stands the test of time? Learn how to ask the right questions to determine a legitimate operating MLM company vs. a pyramid scheme. Watch the video. And to learn more visit www.mlmlegal.com.




นักธุรกิจเครือข่ายระดับมหาเศรษฐีทั้งหลาย ใช้กฎ 5C เพื่อสร้างความสำเร็จ




ว่ากันว่าปราศจาก 5
c ไม่มีทางสำเร็จมาดูกันว่า 5c มีอะไรกันบ้างนะคะ

C ที่ 1)"Conviction" ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า
เศรษฐี MLM ทุกคนต้องมีความเชื่อมั่นอย่าแรงกล้าในผลิตภัณฑ์ แผนการตลาด โครงการของพวกเขาและเส้นทางที่พวกเขาเลือกที่จะพาเครือข่ายของเขาเดินไป พวกเขา เชื่อมั่นเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำ ระดับคลั่งไคล้เลยดีเดียว (CLUE!!)


คนเหล่านี้รู้ว่าพวกเขามี บริษัท ที่ดีที่สุดและผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดธุรกิจเครือข่ายที่วิเศษที่สุด และถ้าหากพวกเขาไม่สามารถชักชวนผู้มุ่งหวังได้ พวกเขาจะหงุดหงิดที่สุด ถึงขนาดที่ว่า ถ้ามีผู้ที่ปฏิเสธการชักชวนของเขา เขาจะมองว่า เป็นสัญลักษณ์ ของความโง่ของผู้มุ่งหวังของเขา คือเขาคิดว่าคนที่ปฏิเสธนั้น โง่มากที่มองไม่เห็นโอกาสที่เขาหยิบยื่นให้ มีผู้นำระดับเศรษฐีคนหนึ่งกล่าวออกมาว่า ผมไม่มีความอดทนพอที่จะทำงานกับคนโง่ ผมดีใจที่เขาปฏิเสธ”

เมื่อมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า พวกเขาจึงได้ใช้พลังทั้งตัวทุ่มลงไปในงานที่เขารักนี้ ทำมันอย่างบ้าคลั่ง
คือการสร้างความรักในสิ่งที่ตนเองทำ แต่ทำมันเหมือนสาดน้ำมันใส่กองเพลิง คือ ทำให้มันร้อนอยู่ตลอดเวลา ความรักที่จะทำให้มันเกิด ทำให้มันสำเร็จเรียกว่า Passion Fire เราเรียกว่ากิเลส On Fire! รักที่จะทำให้บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น
สรุปว่าคุณต้องมี ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเป็นสิ่งแรกในการทำธุรกิจเครือข่าย


C ที่ 2)Communication". "การสื่อสาร"
เศรษฐี MLM ทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ พวกเขาทั้งหมดเป็นนักการสื่อสารชั้นยอด! พวกเขามีความสามารถลึกลับที่สามารถเจรจาส่งผ่านข้อความและความรู้สึก!ของพวกเขาข้ามไปยังผู้ฟังได้เป็นอย่างดีเยี่ยม พวกเขามีพลังในการสื่อสารและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้พลังงานในคำพูดของพวกเขา
การโฟกัสของพวกเขาจะถูกบุคคลเสมอ และพวกเขาทำให้การสนทนาลื่นไหลไปในทิศทางที่พวกเขาต้องการ
พวกเขาชอบการสื่อสารบ่อยๆ ส่วนใหญ่ชอบพูดคุยกับผู้คนจำนวนมาก และสามารถสร้างความเป็นมิตรใน​​การสื่อสารอย่างสง่างาม และแน่นอนผู้ฟังมักจะชอบ

เศรษฐี MLM ผู้มีรายได้สูงสุดคนหนึ่งกล่าวว่า "เรามีรายได้จากการพูดคุยกับคน ฉะนั้นต้องฝึกฝนทำให้ดี ถ้าผิดพลาดก็หมายถึงไม่มีรายได้นั่นเอง
ฉะนั้น คุณต้องกลายเป็น Communicator ถ้าคุณทำได้คุณก็จะสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายอย่างแน่นอน




ลาก่อน ไบนารี่ ทางด่วน MLM เส้นทางหายนะ จริง ๆ


ถ้าคุณกำลังทำธุรกิจเครือข่ายที่หมิ่นเหม่กับ กฏหมาย "แชร์ลูกโซ่" และดูเหมือนจะมีผู้สำเร็จมากมาย คุณเข้ามาทำแบบมึน ๆ ไม่เข้าใจแผน ไบนารี ทำไปวัน ๆ ขัดกับ คุณธรรมในใจ คุณต้อง หยุดคิดและอ่านบทความนี้จนเข้าใจ เพื่อรู้เท่าทันแม่ทีม ด่วนที่สุด

เมื่อบริษัทเริ่มเปิดใหม่ด้วยแผนแบบ 2ขา อันได้ชื่อว่าแผนสมัยใหม่ แล้วจะเริ่มมีแม่ทีมทั้งหลายแห่เข้าสมัครปัก ID เป็นเหลือบไว้ไม่ทำมาหารับประทานอะไร รอจังหวะเข้าเสียบหลังนักบุกเบิกลุยตลาดดันบริษัทให้เติบโตต่อเนื่อง  เกิด? ไม่เกิด? ขึ้นอยู่กับผู้นำนักบุกเบิก ต้นสายทั้งหลาย

ผู้มีประสบการณ์ทั้งหลายต่างไปชักชวนหรือแม้แต่ซื้อ ID ทิ้งไว้ เอาบัตรประชาชนมาสมัครแทนปักดักไว้เป็นแถวยาว ..วันนึงก็จะมีนักธุรกิจมือใหม่จริงจังสมัครเข้ามาต่อท้ายแล้วทำงานอย่างหนักหน่วง ในขณะที่อัพไลน์สูง หมดแม็ก ไม่มีต่อให้อีก ผู้ที่จริงจังหน้าโง่ก็ทำงาน สปอนเซอร์ทั้ง ขา ดันแต้มข้างบนลอยลำ ทำขาเดียว เก็บเกี่ยวตีกินกันสบาย

และแล้วเมื่อเห็นจังหวะดีพวกเหลือบ แม่ทีมทั้งหลายที่ยังไม่ยอมปล่อยปลาในอีกมือก็แอบเข้าเช็คยอด ดูข้างล่างว่าโตพอหรือยัง..ถ้ายังไม่โตก็ไม่มา ทำกินของเก่าต่อไป แต่ถ้าโตแล้วเห็นขุมทองก็เริ่ม ย้ายรังหากินที่ใหม่
พวกที่อ้างความเป็นแม่ทีมทั้งหลายนี้ไม่ได้ปักหลักเป็นเหลือบในค่ายเดียว แต่วางเบ็ตตกไปทุกค่าย ดูว่าอันไหนมีโตข้างล่างค่อยแห่ทีมตามไปตีกินขาเดียว
และเมื่อตัวขยันทำงานหนักสอง 2 ขา เปลี่ยนขาแข็งเป็นอ่อน สลับไปมา หรือรักษายอดเก็บแต้มขาแข็งตนเอง ที่ยังไม่ถูกนำมาแปลงเป็น คอมมิสชั่นเพราะแผน ไบนารีเขาจ่ายขาอ่อน หรือพูดอีกอย่างคือจ่ายตามการจับคู่


วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2565

รู้จัก Gen Z นิยามใหม่ของผู้บริโภคยุคดิจิตอลพร้อม 6 คุณสมบัติที่มาร์เกตเตอร์อย่างคุณต้องจับตามอง

GenC Infographic
คำว่า เจเนอเรชั่น หรือที่พวกเราเรียกกันติดปากว่า Gen นั้นมีรากศัพท์มาจากภาษาลาติน generare ความหมายตามตัวอักษรคือ “ก่อให้เกิด” หรือ “กำเนิดแก่” ที่ยกนิยามศัพท์คำนี้ขึ้นมาเป็นย่อหน้านำเพราะความหมายของมันมีความสำคัญมากค่ะ มันสะท้อนให้เห็น idea ของนักสังคมวิทยาที่เชื่อว่า generation ของพวกเราแต่ละคนและแต่ละยุคนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญอันหลอมรวมให้คนหนึ่งคนในยุคนั้น shift หรือเปลี่ยน ทางความคิดจากคนอีกรุ่นหนึ่งชนิดว่าเราไม่สามารถไปคิดแทนพวกเขาได้เลย
ตัวอย่างง่ายๆ เช่น เรามักพบว่าผู้ใหญ่รุ่นแม่หรือรุ่นน้ามักบ่นว่าเด็กๆ ที่เล่นสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตโดยหารู้ไม่ว่าเด็กๆ กลุ่ม Gen Y หรือ Gen Z เหล่านี้กำลังสำรวจโลกและหาความรู้ในแบบของเขา คุณน้าอาจเปิดหนังสือเพื่อร่ำเรียนแต่เด็กๆ เขาเปิดแท็บเล็ตแล้วเสิร์จหาคีย์เวิร์ดที่เขาต้องการกันคjt แน่นอนว่าผมไม่ได้บอกว่าเด็กๆ ไม่ได้แอบเล่นเกม แต่คุณแม่คุณน้าก็เล่นเกมผ่านคอมพิวเตอร์ไม่ต่างจากเด็กๆ หรอกใช่ไหมคะ (Solitaire ค่ะ Solitaire)

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2565

7 สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากวิถี นกอินทรีย์

1. นกอินทรี บินเดี่ยว และบินสูง
เมื่อคุณต้องการก้าวไปข้างหน้า อย่าปล่อยให้ทัศนคติแย่ๆ จากคนแย่ๆรอบตัวมาเป็นอุปสรรค จริงอยู่ทีมเวอร์กเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าหากคุณไม่มีทีมที่ดี ก็จงล่าเหยื่อแบบพญาอินทรี
2. นกอินทรี เป็นสัตว์ที่มีสายตาแหลมคมที่สุด
นกอินทรี สามารถมองเห็นกระต่ายที่อยู่ห่างออกไปเกือบสองกิโลเมตร คุณเองก็เช่นเดียวกัน ฝึกฝนให้ตนเองมองเห็นเป้าหมายระยะไกล และจับจ้องไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2565

คุณต้องการรายได้เร็ว เยอะ หรือว่ามั่นคง แยกออกจากกันให้ชัดๆ

ขอแสดงความยินดีกับอัพไลน์ที่ประสบผลสำเร็จทุกท่านและคารวะ ตัวอย่างความพยายามของท่านในขณะเดียวกันก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความ "หมดแรง" "งุนงง" และ "ท้อแท้" ในองค์กร เนื่องจาก การเติบโตที่รวดเร็ว และความไม่มีประสบการณ์ของ ผู้นำ"มือใหม่" ที่ไม่พร้อมจะนำพาองค์กรของตนเองไปสู่ความสำเร็จ ไม่ให้ความสำคัญของการทำงานเป็น TEAM อย่างแท้จริง ท่านก็อาจเป็นได้แค่ " ม้าตีนต้น"นักธุรกิจเครือข่ายระดับมหาเศรษฐีทั้งหลาย ใช้กฎ 5C เพื่อสร้างความสำเร็จ ท่านมีกี่C??ส่วนเพื่อน ๆ สมาชิกที่ยังเคว้งคว้าง อย่าหยุดเรียนรู้นะคะ ท่านเข้ามาสู่สนามนี้แล้ว อย่าเดินออกไปมือเปล่า จงรู้ให้มากพอ และเล่นกับมันให้ถูกจังหวะ และถูกจุดท่านจะได้อย่างที่ต้องการ

การบ้านที่อยากฝากก็คือ คุณต้องการรายได้เร็ว เยอะ หรือว่ามั่นคง แยกออกจากกันให้ชัดๆ 

อย่าคิดเอาทุกอย่างในเวลาเดียว วิเคราะห์ว่าอันไหน สำหรับคุณคือสิ่งสำคัญที่สุด..

 ถ้าคุณบอกว่า ไม่ต้องได้เยอะและเร็วในปีแรก แต่มั่นคงคือได้ เดือนละ แสนแต่ไม่ตกในอีก 3ปี และ retire ได้จริงใน 5ปี แผนการตลาดเดิม ๆ อาจไม่ใช่สำหรับเราคนยุคนี้อีกแล้ว!!!

องค์กรของคุณกำลังประสบปัญหากับการที่ผู้นำ รวยเอา ๆ แต่เรารายได้ สะดุด หรือเปล่า 

อ่านและฟังคลิปนี้ของรองประธานดรอปริชใหม่นะคะ

 NEW PLAN BY KHUN TAI How to do business การเริ่มต้นทำธุรกิจอย่างถูกต้อง ต้องทำอย่างไร ดูคลิปที่นี่เลย https://www.youtube.com/watch?v=zaNkByjp33k

แล้วคุณอาจจะเข้าใจมากขึ้นนะ

ตัวขยันมีผลงานบางทีมากกว่าเทพ มากมาย มียอดขายกระฉูดติดท็อปเท็น แต่เทพ มีขาอ่อนมากเพราะทำครึ่งเดียวได้เงินมากกว่า ได้ถูกเชิญให้ออกไลฟ์ร่วมกับบอส รัว ๆ และดึงดูดคนให้ไหลตามกันอย่างต่อเนื่อง หารู้ไม่ว่ากำลังเป็นแมงเม่าเสียเอง กลับไปฟังการบ้าน คลิปที่ 6 นะคะตามบอสนั่นแหละดีแล้ว!! อย่าหลงคิดว่ากำลังตามแม่ทีมผู้เก่งกาจ!!

ไม่ช้าหายนะก็เกิดเมื่อ ล่างสุดหลุดหายไป เหล่า เทพ ก็ย้ายค่ายอีกครั้งไปผุดใหม่ในค่ายที่ได้ปลั๊กดักเอาไว้แล้ว วงจรอุบาศก์ก็เกิดขึ้นอีกอย่างไร้วันจบสิ้น

 ท่านเลือกทำธุรกิจเครือข่ายที่ดีที่สุดแล้วค่ะ อย่าเป็นกบเลือกนาย หากไม่แน่ใจว่าดียังไง ดิฉันขอแนะนำให้อ่าน .....  แล้วเลิกสงสัย หยุดค้นหา สิ่งที่ท่านมีอยู่แล้ว ท่านกำลังเสียเวลากับการตัดสินใจอยู่นะคะ ท่านตัดสินใจ มาหลายครั้งแล้ว จึงมายืนอยู่ตรงนี้ 

"ตัดสินใจ ฟัง ตัดสินใจศึกษาตัดสินใจสมัคร เหลือ ตัดสินใจทำ(อย่างหนัก) และตัดสินใจสำเร็จ" 

ข้างล่างนี้คือการสอนงานที่ประธานบริษัทDroprich ผู้ช่ำชองในแผนการตลาดทุกรูปแบบ ท่านแนะนำ ในบางครั้ง ในชีวิตคนเราก็ ต้อง "ลงมือทำ โดยไม่ต้องเข้าใจทั้งหมด" จงเรียนรู้ที่จะ Trust หรือไว้วางใจ คนที่เรา นับถือและ ตริตรองด้วยเหตุผลแล้วว่า " ไว้ใจได้ มีคุณธรรม และมีนโยบายชัดเจน เห็นแก่ส่วนรวม ฟัง CEO ของ Droprichที่นี่ค่ะ


วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2565

บทความเกี่ยวกับการทำธุรกิจออนไลน์



ขายสินค้าออนไลน์อ่านตรงนี้
สาเหตุที่คุณล้มเหลวในธุรกิจออนไลน์
6 วิธีเพิ่มจำนวนคนเห็นโพสต์แบบไม่ต้องเสียเงิน

กลโกงในการหลอกขายสินค้าออนไลน์



ธุรกิจ MLM ONLINE อ่านตรงนี้ค่ะ



ต้องการขายออนไลน์แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน?คลิกที่นี่



ทำอาชีพเสริมอย่างไรให้ร่ำรวย

                    หากยังไม่ได้ดูคลิปนี้

อย่าเพิ่งตัดสินใจทำงานออนไลน์ค่ะ..

 ทำอาชีพเสริมยังไง? ให้ร่ำรวย

“ยุคนี้งานเดียวไม่พอ” เป็นคำพูดที่ใครหลายคนบอกกัน แม้แต่เราเองก็พยายามบอกคนใกล้ตัวอยู่เสมอ ว่าคนเราควรคิดและมองหา งานที่ 2 อาชีพที่ 3 และธุรกิจที่ 4 อยู่เสมอ

ไม่ใช่แค่เพื่อให้มั่งคั่งเร็ว เพราะนั่นอีกนานกว่าจะเห็นผล แต่เพื่อป้องกันความเสี่ยงกรณีสูญเสียรายได้หลักไป อันนี้สิเกิดเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีใครรู้ ถ้ารายได้หลักหายไป แต่ยังมีรายได้เสริมประคองรายจ่ายเอาไว้ ชีวิตก็ยังเดินต่อไปได้ การเงินไม่สะดุด

อย่างไรก็ดี แม้ยุคนี้จะเป็นยุคแห่งการสร้างอาชีพเสริม แต่หลายคนพอมีอาชีพเสริมเข้าจริง กลับไม่ได้มั่งคั่งหรือมั่นคงอย่างที่คิดเอาไว้ แย่หนักกว่านั้นคือ หลายคนยิ่งทำหลายอย่าง “ยิ่งจนลง” ไม่ได้รวยขึ้น ทั้งที่ก็ขายดี มีรายได้เข้ามาเรื่อยๆ

ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น?

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเดาคำตอบได้ 

ใช่ค่ะ! เพราะบริหารเงินรายได้ไม่เป็นนั่นเอง

จะว่าไปแล้วในบรรดารายได้ทั้งหลาย “เงินเดือน” เป็นรายได้ที่จัดการได้ง่ายที่สุด เพราะเป็นเงินสุทธิให้เรานำไปกินใช้ได้เลย แค่กินใช้ให้มีเก็บมีออมทุกเดือน แบบนี้ก็ถือว่าบริหารเงินเดือนพอใช้ได้แล้ว

แต่กับรายได้เสริมไม่เหมือนกันค่ะ รายได้หรือยอดขายของเรา ไม่สามารถนำมากินใช้ส่วนตัวได้ทันที เพราะในยอดขายนั้นมี “ต้นทุน” ของสินค้าและบริการของเรารวมอยู่ด้วย ที่ถูกจึงต้องบันทึกต้นทุนและค่าใช้จ่าย หักจากยอดขาย เหลือเป็นกำไรเท่าไหร่ถึงจะนำมากินใช้ได้

ทั้งนี้เราสามารถวัดกันได้ง่ายๆ เลยว่า ใครทำอาชีพเสริมแล้วการเงินก้าวหน้าหรือทำมานานแล้วชีวิตไม่ไปไหน ด้วยคำถามง่ายๆ ไม่กี่คำถาม ดังนี้

วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

Work from home อนาคตของการทำงาน

 


ถ้าพูดถึงเรื่องของการทำงานแบบ Work from home เราเชื่อว่าตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาหลายบริษัท น่าจะได้ลองทำกันมาบ้างแล้ว และก็น่าจะมีหลายบริษัทที่ประกาศให้เรื่องของการทำงานแบบ Work from home ได้กลายเป็นนโยบายหลักในการทำงานไปแล้ว แต่ก็น่าจะมีอีกหลายบริษัทเช่นกัน ที่หัวหน้า หรือผู้บริหาร ยังคาใจไม่มั่นใจว่าการทำงานแบบ Remote มันจะดีจริง ๆ เหรอ แล้วมันจะเป็นอนาคตของการทำงานต่อจากนี้จริง ๆ ใช่ไหม

วันนี้เลยอยากจะมาพูดถึงเรื่องของการทำงานแบบ Work from home กันว่า มันมีข้อดี หรือข้อเสียอะไรบ้าง


ประโยชน์ 4 ข้อที่เกิดขึ้นจากการ Work from home

1. Productivity มากขึ้น:

Work from home สามารถเพิ่ม Productivity ให้กับคนทำงานได้จริง ๆ ไหม จนถึง ณ ตอนนี้ เราก็ยังเชื่อว่าต้องมีผู้บริหาร หรือหัวหน้าอีกหลายคน ที่ยังไม่มั่นใจว่าจะให้พนักงาน ทีมงาน ลองเริ่มทำงานแบบ work from home ดูบ้างดีไหม อาจจะเพราะกลัวพนักงานจะอู้บ้าง กลัวไม่ทำงานบ้าง กลัวงานไม่เสร็จบ้าง กังวลว่าเขาจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่งานบ้าง หรือพูดรวม ๆ ก็คือ กลัวว่า Productivity ของพนักงานนั้นจะลดลง

เรื่องนี้บอกได้เลยว่าไม่เป็นความจริง และแทบจะออกมาในทางตรงกันข้ามด้วยซ้ำ


ในปี 2019 Airtasker มีการทำสำรวจคนที่ทำงานเต็มเวลา 1,004 คน ในสหรัฐฯ เกี่ยวกับ Productivity ของพวกเขา โดยใน 1,004 คนนั้น มี 505 คนที่ทำงานแบบ Remote โดยทีมที่ทำการศึกษาพบว่าคนที่ทำงานแบบ Remote นั้นทำงานมากกว่า คนที่ทำงานอยู่ออฟฟิศเป็นหลัก อยู่ที่ 1.4 วัน ต่อเดือน หรือ 16.8 วันต่อปี

ซึ่งเรื่องนี้สอดคล้องกับงานวิจัยในปี 2015 จากมหาวิทยาลัย Stanford ที่ทำการศึกษาประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน Call Center 16,000 คน ในบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวจีน พบว่ากลุ่มพนักงานที่ทำงานแบบ Work from home สามารถเพิ่ม Productivity ในการทำงานได้มากถึง 14%

และเช่นกันในการศึกษาของ MindMetre พบว่า 56% ของผู้ตอบแบบสอบถาม รู้สึกว่าการการทำงานแบบ Remote ช่วยให้พวกเขามีสมาธิจดจ่อกับงานมากขึ้น ในขณะที่ 53% บอกมันสามารถช่วยเพิ่ม Productivity ให้กับพวกเขาได้

2. มีความพึงพอใจในงานมากขึ้น:

จากรายงานการสำรวจของ Morar Consulting’s ในปี 2017 เผยว่า 38% ของแรงงานในสหรัฐฯ ที่มีการ Work from home อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งวัน จะมีความพึงพอใจในการทำงานในระดับที่สูงกว่า คนทำงานที่ไม่ได้รับสิทธิ์นี้

3. ทำให้อัตราการ turnover ลดลง:

ข้อมูลจากงานวิจัยของ UK Government’s Department for Business Innovation & Skills รายงานว่า ความยืดหยุ่น ในการทำงานมีผลทำให้อัตราการลาออกของพนักงานนั้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

และจากงานการศึกษาของมหาวิทยาลัย Stanford ที่ทำร่วมกับ Ctrip นั้นก็ยังแสดงให้เห็นว่าการทำงานที่ยืดหยุ่น หรือการทำงานแบบ Remote สามารถช่วยลดความอยากลาออกของพนักงานได้ถึง 50% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ทำงานในออฟฟิศเป็นหลัก

4. สามารถลดต้นทุนของ Office หรือสำนักงานลงได้:

การที่พนักงานสามารถทำงานแบบ Remote ได้จะทำให้ออฟฟิศขนาดใหญ่มีความจำเป็นลดลง สำหรับคนที่ทำธุรกิจจะรู้และเข้าใจดีว่า ค่าเช่าออฟฟิศหรือสำนักงานนั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในต้นทุนที่ค่อนข้างสูงทีเดียว

ทำให้ตอนนี้มีบริษัทใหญ่ ๆ หลายแห่งเริ่มปรับเปลี่ยนออฟฟิศ หรือสำนักงานให้มีความเป็น hot desk มากขึ้น (โต๊ะทำงานแบบหมุนเวียน) แต่แน่นอนว่ายังคงมีห้องประชุมต่าง ๆ ไว้ให้ใช้

คือ มีการเปลี่ยนพื้นที่ทำงานให้มีความเป็น Co-Working Space มากขึ้น พร้อม ๆ กับลดใช้พื้นที่อาคารสำนักงานลง

พอพูดถึงข้อดี หรือประโยชน์ที่ได้รับกันแล้ว เราก็ต้องมาดูฝั่งของข้อเสียกันบ้าง


วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

Dropship ดรอปชิป คืออะไร

       

Dropship กับตัวแทน อาจจะดูไม่ได้ต่างกัน เพราะมันก็คือ ตัวแทนเค้า ถูกต้องมั้ยคะ แต่สิ่งที่มันดีกว่าก็คือ ถ้าเราทำเป็น มันลดความเสี่ยงกว่าการเป็นตัวแทนเฉยๆ เยอะเลยนะ เพราะหลักๆ เลยคือ เราจะได้เวลากลับมา เพราะไม่ต้องแพ็คของส่งของ (ที่เรียกว่าชิปปิ้ง) ลองคิดดูสิว่า ถ้าเราต้องมานั่งแพ็คของวันละ 1000 ชิ้น ทั้งชีวิตก็เอาไปทิ้งที่ไปรษณีย์แล้ว ข้อดีอีกอย่างก็คือ เราไม่ต้องทำสต็อค คิดดูว่า ถ้าเราต้องมาลงทุนซื้อมาสต็อคของเป็นหมื่นเป็นแสน แล้วขายไม่ออกเลย ทำไงดี? นั่นแหละค่ะ ถึงทำให้ Dropship น่าสนใจ


แต่ใช่ว่าโมเดลดี แล้ว คนทำจะได้ดี มีผลลัพท์รายได้สูง ๆ กันหมดทุกคน ทุกบริษัทนะคะ เพราะโมเดลนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือของสองฝ่าย คื
1. ฝ่ายตัวแทน ต้องสร้างภาพลักษณ์ นำเสนอสินค้าได้ดี

2. ฝ่ายเจ้าของ ก็ต้องซัพพอร์ตตัวแทนเป็นอย่างดี ส่งของเร็ว มีของตลอด ของมีคุณภาพ แข่งกับชาวบ้านได้ ตอบคำถามตลอด ไม่หนี ไม่เบี้ยว ซึ่งหายากมากกกกกก


เราทำอยู่จ้า คือถ้าใครสนใจเรื่อง Dropship เราตอบคำถามให้ได้ จริงๆ แล้ว งานนี้มันเหมือนกับขุมทรัพย์ ส่วนใหญ่เค้าไม่มาบอกกันหรอกค่ะ เพราะก็จะกลายเป็นคู่แข่งกันหมด แต่คนทำได้ ก็รวยนะ รวยกว่าตัวแทนทั่วไปตามเฟสบุ๊คเลยล่ะ แถมอิสระกว่าด้วย ใครสนใจด้านนี้จริงๆ ก็หลังไมค์มาคุยกันละกันนะคะ ติดต่อเราได้ที่นี่ https://mysocialnetwork2020.blogspot.com/2020/03/contact-us.html

วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

สำหรับคนที่ Anti ระบบขายตรง และแชร์ลูกโซ่ คิดว่าดรอปริชหลอกลวง



สำหรับคนที่เคยทำ ระบบขายตรง และDropshipมาหลายตัว อย่างเรา เรารักDroprich เลยล่ะค่ะ

มาเจอ เพราะหาสินค้ามาแก้ปัญหาท้องผูกเลยได้รู้จักระบบ Dropship ที่วิเศษมากกว่าทุกDropship ที่เคยทำมาก่อน 

หลังจากศึกษา เรามองว่า เป็นระบบที่สร้างโอกาสให้คนไม่มีโอกาส หรือเห็นโอกาส ได้สร้างรายได้ จริง ๆ พิสูจน์ได้ทันทีที่ลงมือทำ สร้างความมั่นคงให้ชีวิตตัวเองได้ โดยไม่ต้องไปเบียดเบียนคนอื่นเลย ไม่ใช่การขายฝัน ไม่ได้หลอกขายของ ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ ทำจริงจัง ก็ รวยจริงจัง อยู่ที่การเรียนรู้และการฝึกฝน เราได้พัฒนาตัวเอง ได้ให้โอกาสคนอื่น มีแต่ได้กับได้

เรื่องเดียวที่เราต้องลงทุน คือ เวลาค่ะ เราลองทำ droprich  1 อาทิตย์ ลงทุนซื้อสินค้า(ไฟเบอร์) กล่องเดียว 1200 บาทจากนั้นเรียนรู้และแบ่งปัน แชร์ลิ้งค์ให้เพื่อน 2-3 คน ได้รับรายได้ 4920 บาท

เราแค่แนะนำ บอกต่อโอกาส ให้คนที่เค้าลำบากได้มีวิธีหารายได้ยิ่งเราให้เราก็ยิ่งได้ค่ะ  ง่ายกว่านี้ไม่มีแล้ว droprich ให้เราลงทุนแค่เวลาเพื่อชีวิตที่ดีกว่า ไม่น่าจะเรียกว่า หลอกลวงนะคะ

สิ่งสำคัญคือ เราต้องไม่ ดูถูกตัวเอง และดูถูกคนอื่นค่ะ สงสัยถามได้นะคะ ยินดีแนะนำค่ะ

ถ้าโชคดี ได้เจอแล้ว ก็ให้โอกาสตัวเองเถอะค่ะ

    

ติดต่อเราได้ที่นี่ https://mysocialnetwork2020.blogspot.com/2020/03/contact-us.html

วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565

การสร้าง Passive income คือยังไง

ขอบคุณ ที่มา เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร







เรื่องของกฏทวีคูณ คนที่เข้าใจแผนธุรกิจแบบไบนารี่อย่างถ่องแท้เท่านั้นจึงจะเข้าใจ และรู้ว่ามันไม่ใช่ความลับทางธุรกิจอะไรเลย

เรื่องของกฏทวีคูณ คนที่เข้าใจแผนธุรกิจแบบไบนารี่อย่างถ่องแท้เท่านั้นจึงจะเข้าใจ และรู้ว่ามันไม่ใช่ความลับทางธุรกิจอะไรเลย
=============================================
อีก 1 ประโยคค่ะ.. " การที่เราทำงานใดไม่สำเร็จไม่ได้หมายความว่างานนั้น ๆ ไม่ดี หรือไม่มีประสิทธิภาพ
แต่ควรกลับมามองการกระทำของเราว่าเพียงพอจะให้ไปสู่ความสำเร็จหรือไม่..
การสาดเสียเทเสียใส่ธุรกิจที่เราเคยทำ เหมือนคุณเทสิ่งลบไปสู่จิตใจของคุณทีละเล็กทีละน้อย
และแน่นอนจากนั้นทุกการกระทำของคุณจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่คุณทำทุกครั้ง..หากคุณยังทำแบบเดิมธุรกิจแนวเดิมคุณจะถูกขั้นกลางด้วยพลังลบที่คุณฝังไว้ในยามที่คุณสาดเสียเทเสียธุรกิจเดิม" สายน้ำทางธุรกิจของคุณจะไม่ใช่สีฟ้า สีอะไร
แต่กลายเป็นน้ำเน่าสีดำ ๆ ....
เค้าสอนให้เรารู้จักละวาง ถ้าหากเราทำได้ไม่ดีแล้วอยากเปลี่ยนใจ
เราต้องทำอย่างมีสปิริต เพราะมันเหมือนเรามีเชิงบวกใส่สมองเราไว้ประมาณนี้อ่ะค่ะ
ดิฉันย้ำเพื่อน ๆ นะ ทุกสิ่งที่เราทำยามลืมตามันมีพลังน้อยมากกับจิตใต้สำนึกหลังหลับ..
เพราะผลการวิจัยมันชัดเจนมาก หลังหลับสมองเราตื่นตัวมากกว่าตอนตื่นหลายเท่าเพื่อจัดระเบียบเมมโมรี่ เปรียบเทียบเป้าหมายกับสิ่งที่เรานึกคิดในจิตใต้สำนึก...สร้างนิสัยใหม่กันค่ะ
แพ้เราก็เป็นพระ ชนะเราก็ยังเป็นพระอยู่


********************************************

เพิ่มพลังสมองเป็น 10 เท่า เรียนรู้ได้เร็ว


เพิ่มพลังสมองเป็น 10 เท่า
จากผลการทดลองพบว่า 90% ของกำลังสมอง หมดไปกับการคิดเรื่องที่ไม่ก่อประโยชน์ และมักจะใส่ความคิดผิด ๆ ให้สมองของตัวเอง ดั่งเช่น การทำงานของคอมพิวเตอร์ ถ้าเราใส่ software ที่ผิด ผลการคำนวณก็ออกมาผิด ถ้าจะเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงาน ระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์ ในทางทฤษฎี พบว่า " สมองมนุษย์เก็บข้อมูลได้เยอะกว่าและสามารถประมวลข้อมูล ที่มีความสลับซับซ้อน ได้รวดเร็วดีกว่าคอมพิวเตอร์ " ถ้าสมมติฐานดังกล่าวเป็นจริง เราก็น่าจะเรียนรู้อะไรได้เร็ว มีความจำเป็นเลิศ แต่ในชีวิตจริง ทำไมกลับตรงกันข้าม หรือเป็นเพราะว่า เราไม่รู้ว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เรา เรียนรู้ช้า และปัจจัยอะไรที่ทำให้เราเรียนรู้ได้เร็ว ? เมื่อคุณพบคำตอบ คุณอาจคันพบตัวเองก็ได้
ทำไมเราจึงเรียนรู้ช้า? เพราะขาดความสามารถในการจดจ่อความคิดต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นเวลานานได้ และไม่สามารถควบคุมความคิด ให้คิด ในทางที่สร้างสรรค์ได้ เนื่องจาก คนส่วนใหญ่จะปล่อยให้สถานการณ์ภายนอก ชักจูงความคิดให้โดดไปมา คิดเรื่องในอดีต หรือเรื่องที่ก่อความทุกข์ให้กับตนเอง และมักปล่อยให้ความคิดในทางทำลายตัวเอง เข้ามาบั่นทอนประสิทธิภาพในการเรียนรู้ ทำให้เรียนรู้ช้า, คิดไม่ชัดเจน คิดไม่ทัน ดังนั้น ตราบใดที่เรายังไม่สามารถตั้งใจคิดได้ คุณก็จะไม่พบคำตอบ
ทำอย่างไรจึงจะเรียนรู้ได้เร็ว?
1. เปลี่ยนความคิดจาก Negative ไปเป็น Positive
ทำงานอย่างมีเป้าหมาย : ถ้าอยากฉลาดแบบนักคิดระดับโลก ก็ต้องคิดเหมือนพวกเขา คือ ทำสิ่งต่าง ๆ อย่างมีเป้าหมาย เช่น ก่อนจะอ่านหนังสือก็ต้องรู้ก่อนว่า เรากำลังจะอ่านอะไร อ่านไปเพื่ออะไร เป็นต้น
ต้องรู้ระบบความคิดของเราก่อนว่า ความคิดไหนทำให้เราคิดในทางลบ เช่น เมื่อเราเห็นคนอื่นทำไม่ได้เราจึงคิดว่าเราทำไม่ได้ , เชื่อว่าตัวเองทำไม่ได้ เพราะความจำไม่ดี เป็นต้น
ตัดความคิดในทาง Negative ทิ้งแล้วใส่ความคิด Positive ลงไปแทนที่ เช่น คนอื่นทำไม่ได้ช่างเขา เราทำได้ก็แล้วกัน , ท่านทำได้ ถ้าท่านคิดว่าท่านทำได้ เป็นต้น


2. หัดผ่อนคลายทั้งกายและใจ จากการทดลองพบว่า คนเราจะเรียนรู้ได้เร็วเมื่ออยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายทั้งกายและใจ ดังนั้น เราควรรู้จักผ่อนคลายจิตใจบ้าง เช่น ฝึกโยคะ ฝึกสมาธิ หรือ การสวดมนต์ อาจกล่าวได้ว่า การผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ ช่วยยับยั้งความคิด Negative ได้ชั่วคราว
3. พยายามสังเกตว่าตัวเองเรียนรู้ได้ดีจากสื่อใด ถึงแม้สมองจะมีคุณสมบัติเหมือนกัน แต่รูปแบบหรือวิธีการเรียนรู้ของแต่ละคน ไม่จำเป็นต้อง เหมือนกัน บางคนเรียนรู้ได้เร็วจากพูดคุยกับผู้อื่น, การอ่าน, ต้องคิดหา logic ด้วยตัวเอง, ต้องเห็นด้วยตาฟังไม่เข้าใจต้องเขียนหรือดูภาพ หรือบางคนต้องฟังอย่างเดียว ดังนั้น ถ้าเราต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ให้ดีขึ้น จำเป็นต้องสำรวจตัวเองว่า
รูปแบบการเรียนรู้แบบใดทำให้เราเรียนรู้ได้เร็ว?
ในช่วงเวลาใดของวันที่เรามีสมาธิสูงสุด กระตือรือร้นสูงสุด?

4. พยายามสร้างจุดเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลกับสมอง จะช่วยให้เราสามารถเก็บข้อมูลและดึงข้อมูลมาใช้ได้อย่างประสิทธิภาพ อาจใช้การตั้งคำถาม , การเปรียบเทียบข้อมูล เพราะ สูงสุดของการเรียนรู้ คือ การนำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์
5. หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากจะทำให้เรามีความสดชื่น กระตือรือร้น แล้วเมื่อเราออกกำลังกายนานติดต่อกัน 12 - 20 นาที จะส่งผลให้สมอง function ดียิ่งขึ้น ทำให้สมองทั้ง 3 ส่วน คือ ส่วนซ้าย ส่วนขวา และสมองส่วนกลาง ทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างสะดวก ทำให้เราใช้สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถใช้สมองทั้ง 3 ส่วนได้พร้อม ๆ กันในเวลาเดียว

6. ควรเข้าใจการทำงานของสมอง การทำงานของสมองในส่วนความจำจะทำงานได้ดีในเวลาที่ต่างกัน ดังนี้
ความจำระยะสั้น >>> ช่วงเช้า
ความจำระยะระยะยาว >>> ช่วงบ่าย
จำเกี่ยวกับตัวเลข >>> ก่อนนอน








บทความทั้งหมด

บทความล่าสุด
นาโนเทคโนโลยีคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
บทความทั่วไป

รู้มั๊ยความหมายของคำว่า โชคดี ที่แท้คืออะไร
แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร
เรื่องของคน
นิทานเรื่องนี้ดีนะ...ขอมอบให้คนที่ยังติดยึด
มันอยู่ที่"วิธีคิด" จริง ๆ
คุณคิดแบบ"ผึ้ง"หรือ"แมลงวัน"
8 ข้อคิดดี ๆ ฝึกหาความสุข
คุณมีเงิน แต่คุณมีค่าไหม?
โลกนี้ที่อยู่รอดได้ ก็เพราะเหตุนี้ 
เพิ่มพลังสมองเป็น 10 เท่า เรียนรู้ได้เร็ว
เก็บตกมาจาก Facebook...เอาไว้สอนลูกหลานนะ
อย่ารอให้แตะ 60 แล้วค่อยเตรียมตัวเกษียณ
กุศโลบาย
ใครๆ ก็เป็นโค้ชได้
จัดการกับความกลัวด้วย “ความกลัว (F-E-A-R)
TEAM
เหตุแห่งการปฏิเสธ ธุรกิจขายตรง
3 วิธีชวนคนทำธุรกิจเครือข่าย ที่ทำแล้ว สร้างผลลัพธ์ได้ทันที!
26 คำแนะนำสำหรับคนรุ่นใหม่จากวอร์เรน บัฟเฟต
จุดแข็ง-จุดอ่อน-เบื้องต้น ของประเทศต่างๆใน AEC ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน  
7 สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากวิถี นกอินทรีย์