ข่าว ธุรกิจออนไลน์ 100%

วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565

การสร้าง Passive income คือยังไง

ขอบคุณ ที่มา เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร







เรื่องของกฏทวีคูณ คนที่เข้าใจแผนธุรกิจแบบไบนารี่อย่างถ่องแท้เท่านั้นจึงจะเข้าใจ และรู้ว่ามันไม่ใช่ความลับทางธุรกิจอะไรเลย

เรื่องของกฏทวีคูณ คนที่เข้าใจแผนธุรกิจแบบไบนารี่อย่างถ่องแท้เท่านั้นจึงจะเข้าใจ และรู้ว่ามันไม่ใช่ความลับทางธุรกิจอะไรเลย
=============================================
อีก 1 ประโยคค่ะ.. " การที่เราทำงานใดไม่สำเร็จไม่ได้หมายความว่างานนั้น ๆ ไม่ดี หรือไม่มีประสิทธิภาพ
แต่ควรกลับมามองการกระทำของเราว่าเพียงพอจะให้ไปสู่ความสำเร็จหรือไม่..
การสาดเสียเทเสียใส่ธุรกิจที่เราเคยทำ เหมือนคุณเทสิ่งลบไปสู่จิตใจของคุณทีละเล็กทีละน้อย
และแน่นอนจากนั้นทุกการกระทำของคุณจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่คุณทำทุกครั้ง..หากคุณยังทำแบบเดิมธุรกิจแนวเดิมคุณจะถูกขั้นกลางด้วยพลังลบที่คุณฝังไว้ในยามที่คุณสาดเสียเทเสียธุรกิจเดิม" สายน้ำทางธุรกิจของคุณจะไม่ใช่สีฟ้า สีอะไร
แต่กลายเป็นน้ำเน่าสีดำ ๆ ....
เค้าสอนให้เรารู้จักละวาง ถ้าหากเราทำได้ไม่ดีแล้วอยากเปลี่ยนใจ
เราต้องทำอย่างมีสปิริต เพราะมันเหมือนเรามีเชิงบวกใส่สมองเราไว้ประมาณนี้อ่ะค่ะ
ดิฉันย้ำเพื่อน ๆ นะ ทุกสิ่งที่เราทำยามลืมตามันมีพลังน้อยมากกับจิตใต้สำนึกหลังหลับ..
เพราะผลการวิจัยมันชัดเจนมาก หลังหลับสมองเราตื่นตัวมากกว่าตอนตื่นหลายเท่าเพื่อจัดระเบียบเมมโมรี่ เปรียบเทียบเป้าหมายกับสิ่งที่เรานึกคิดในจิตใต้สำนึก...สร้างนิสัยใหม่กันค่ะ
แพ้เราก็เป็นพระ ชนะเราก็ยังเป็นพระอยู่


********************************************

เพิ่มพลังสมองเป็น 10 เท่า เรียนรู้ได้เร็ว


เพิ่มพลังสมองเป็น 10 เท่า
จากผลการทดลองพบว่า 90% ของกำลังสมอง หมดไปกับการคิดเรื่องที่ไม่ก่อประโยชน์ และมักจะใส่ความคิดผิด ๆ ให้สมองของตัวเอง ดั่งเช่น การทำงานของคอมพิวเตอร์ ถ้าเราใส่ software ที่ผิด ผลการคำนวณก็ออกมาผิด ถ้าจะเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงาน ระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์ ในทางทฤษฎี พบว่า " สมองมนุษย์เก็บข้อมูลได้เยอะกว่าและสามารถประมวลข้อมูล ที่มีความสลับซับซ้อน ได้รวดเร็วดีกว่าคอมพิวเตอร์ " ถ้าสมมติฐานดังกล่าวเป็นจริง เราก็น่าจะเรียนรู้อะไรได้เร็ว มีความจำเป็นเลิศ แต่ในชีวิตจริง ทำไมกลับตรงกันข้าม หรือเป็นเพราะว่า เราไม่รู้ว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เรา เรียนรู้ช้า และปัจจัยอะไรที่ทำให้เราเรียนรู้ได้เร็ว ? เมื่อคุณพบคำตอบ คุณอาจคันพบตัวเองก็ได้
ทำไมเราจึงเรียนรู้ช้า? เพราะขาดความสามารถในการจดจ่อความคิดต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นเวลานานได้ และไม่สามารถควบคุมความคิด ให้คิด ในทางที่สร้างสรรค์ได้ เนื่องจาก คนส่วนใหญ่จะปล่อยให้สถานการณ์ภายนอก ชักจูงความคิดให้โดดไปมา คิดเรื่องในอดีต หรือเรื่องที่ก่อความทุกข์ให้กับตนเอง และมักปล่อยให้ความคิดในทางทำลายตัวเอง เข้ามาบั่นทอนประสิทธิภาพในการเรียนรู้ ทำให้เรียนรู้ช้า, คิดไม่ชัดเจน คิดไม่ทัน ดังนั้น ตราบใดที่เรายังไม่สามารถตั้งใจคิดได้ คุณก็จะไม่พบคำตอบ
ทำอย่างไรจึงจะเรียนรู้ได้เร็ว?
1. เปลี่ยนความคิดจาก Negative ไปเป็น Positive
ทำงานอย่างมีเป้าหมาย : ถ้าอยากฉลาดแบบนักคิดระดับโลก ก็ต้องคิดเหมือนพวกเขา คือ ทำสิ่งต่าง ๆ อย่างมีเป้าหมาย เช่น ก่อนจะอ่านหนังสือก็ต้องรู้ก่อนว่า เรากำลังจะอ่านอะไร อ่านไปเพื่ออะไร เป็นต้น
ต้องรู้ระบบความคิดของเราก่อนว่า ความคิดไหนทำให้เราคิดในทางลบ เช่น เมื่อเราเห็นคนอื่นทำไม่ได้เราจึงคิดว่าเราทำไม่ได้ , เชื่อว่าตัวเองทำไม่ได้ เพราะความจำไม่ดี เป็นต้น
ตัดความคิดในทาง Negative ทิ้งแล้วใส่ความคิด Positive ลงไปแทนที่ เช่น คนอื่นทำไม่ได้ช่างเขา เราทำได้ก็แล้วกัน , ท่านทำได้ ถ้าท่านคิดว่าท่านทำได้ เป็นต้น


2. หัดผ่อนคลายทั้งกายและใจ จากการทดลองพบว่า คนเราจะเรียนรู้ได้เร็วเมื่ออยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายทั้งกายและใจ ดังนั้น เราควรรู้จักผ่อนคลายจิตใจบ้าง เช่น ฝึกโยคะ ฝึกสมาธิ หรือ การสวดมนต์ อาจกล่าวได้ว่า การผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ ช่วยยับยั้งความคิด Negative ได้ชั่วคราว
3. พยายามสังเกตว่าตัวเองเรียนรู้ได้ดีจากสื่อใด ถึงแม้สมองจะมีคุณสมบัติเหมือนกัน แต่รูปแบบหรือวิธีการเรียนรู้ของแต่ละคน ไม่จำเป็นต้อง เหมือนกัน บางคนเรียนรู้ได้เร็วจากพูดคุยกับผู้อื่น, การอ่าน, ต้องคิดหา logic ด้วยตัวเอง, ต้องเห็นด้วยตาฟังไม่เข้าใจต้องเขียนหรือดูภาพ หรือบางคนต้องฟังอย่างเดียว ดังนั้น ถ้าเราต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ให้ดีขึ้น จำเป็นต้องสำรวจตัวเองว่า
รูปแบบการเรียนรู้แบบใดทำให้เราเรียนรู้ได้เร็ว?
ในช่วงเวลาใดของวันที่เรามีสมาธิสูงสุด กระตือรือร้นสูงสุด?

4. พยายามสร้างจุดเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลกับสมอง จะช่วยให้เราสามารถเก็บข้อมูลและดึงข้อมูลมาใช้ได้อย่างประสิทธิภาพ อาจใช้การตั้งคำถาม , การเปรียบเทียบข้อมูล เพราะ สูงสุดของการเรียนรู้ คือ การนำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์
5. หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากจะทำให้เรามีความสดชื่น กระตือรือร้น แล้วเมื่อเราออกกำลังกายนานติดต่อกัน 12 - 20 นาที จะส่งผลให้สมอง function ดียิ่งขึ้น ทำให้สมองทั้ง 3 ส่วน คือ ส่วนซ้าย ส่วนขวา และสมองส่วนกลาง ทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างสะดวก ทำให้เราใช้สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถใช้สมองทั้ง 3 ส่วนได้พร้อม ๆ กันในเวลาเดียว

6. ควรเข้าใจการทำงานของสมอง การทำงานของสมองในส่วนความจำจะทำงานได้ดีในเวลาที่ต่างกัน ดังนี้
ความจำระยะสั้น >>> ช่วงเช้า
ความจำระยะระยะยาว >>> ช่วงบ่าย
จำเกี่ยวกับตัวเลข >>> ก่อนนอน








บทความทั้งหมด

บทความล่าสุด
นาโนเทคโนโลยีคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
บทความทั่วไป

รู้มั๊ยความหมายของคำว่า โชคดี ที่แท้คืออะไร
แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร
เรื่องของคน
นิทานเรื่องนี้ดีนะ...ขอมอบให้คนที่ยังติดยึด
มันอยู่ที่"วิธีคิด" จริง ๆ
คุณคิดแบบ"ผึ้ง"หรือ"แมลงวัน"
8 ข้อคิดดี ๆ ฝึกหาความสุข
คุณมีเงิน แต่คุณมีค่าไหม?
โลกนี้ที่อยู่รอดได้ ก็เพราะเหตุนี้ 
เพิ่มพลังสมองเป็น 10 เท่า เรียนรู้ได้เร็ว
เก็บตกมาจาก Facebook...เอาไว้สอนลูกหลานนะ
อย่ารอให้แตะ 60 แล้วค่อยเตรียมตัวเกษียณ
กุศโลบาย
ใครๆ ก็เป็นโค้ชได้
จัดการกับความกลัวด้วย “ความกลัว (F-E-A-R)
TEAM
เหตุแห่งการปฏิเสธ ธุรกิจขายตรง
3 วิธีชวนคนทำธุรกิจเครือข่าย ที่ทำแล้ว สร้างผลลัพธ์ได้ทันที!
26 คำแนะนำสำหรับคนรุ่นใหม่จากวอร์เรน บัฟเฟต
จุดแข็ง-จุดอ่อน-เบื้องต้น ของประเทศต่างๆใน AEC ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน  
7 สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากวิถี นกอินทรีย์

ภาวะผู้นำ 5 ระดับที่เปลี่ยนแปลงชีวิตท่าน

 

 Mint Chalida KH FanClub

 

แนวคิด Passive Income จากการสร้างท่อส่งน้ำ

 Are you Papone or Bruno?

 วิธีคิดสำคัญกว่าวิธีการ ใช่ไหมคะ??

11 เพชฌฆาต ที่จะคอยฆ่าคนที่ทำธุรกิจ ให้ตายอย่างช้าๆ โดยไม่ให้รู้ตัว

 


ธุรกิจE-Commerce และ งานOn line เป็นเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน  มีทั้งด้านที่ดี และ ด้านที่ไม่ดี


ด้านที่ดีของธุรกิจธุรกิจE-Commerce และ งานOn line ก็คือเป็นการสร้างรายได้ที่ใครก็สามารถทำได้ และถ้าหากว่าประสบความสำเร็จแค่ครั้งเดียว คุณก็สบายไปตลอดชาติ และข้อดีของธุรกิจประเภทนี้จึงทำให้คนจำนวนมากอยากเข้ามาลองศึกษาและลองทำ 

แต่น้อยคนที่จะทำได้สำเร็จ เพราะอะไรนะเหรอ? เพราะว่าคนที่ทำธุรกิจธุรกิจE-Commerce และ งานOn line  จะต้องเจอกับ เพชฌฆาตเหล่านี้ ที่จะคอยฆ่าคนที่ทำธุรกิจ ให้ตายอย่างช้าๆ โดยไม่ให้รู้ตัวยังไงละคะ

11 เพชฌฆาต ที่จะคอยฆ่าคุณให้ตายจากธุรกิจ มีดังนี้ค่ะ (ถ้าคุณไม่อยากตายจากธุรกิจ จงอยู่ห่างๆเอาไว้)

1.ชักชวนคนรู้จัก (พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง) หมายความว่า ต้นทุนเสี่ยง ธรรมชาติคนเราไม่ชอบงานขาย พอเค้าได้ยินเค้าก็รำคาญคุณ เค้าเปลี่ยนพฤติกรรมที่เคยมีกับคุณ แต่ถ้าเป็นคนอื่น เค้าก็แค่ รำคาญแล้วหายไป ก็ไม่ทำให้เราเสียใจมากมาย (ควรแจ้งให้ทราบเท่านั้น แล้วพอเค้าสนใจ อย่างน้อยเค้าก็มาถามคุณ)

2.พูดคุยแบบรุมผู้มุ่งหวัง โดยให้อัพไลน์ หรือ ไซด์ไลน์ มาร่วมพูดคุยเปิดโอกาสแทนคุณ ( แสดงถึงความไม่มีมืออาชีพของคุณ

3 ดึงคนเข้ากลุ่มโซเชียลแล้วกดดันให้สมัคร ดัดแปลงมาจากวิธีการชวนคนไปฟังงานสัมนาแนะนำธุรกิจเครือข่ายสมัย10 ปีก่อน เป็นวิธีที่โบราณมาก ๆ

4.ซื้อรายชื่อโทรชวนคน(ไม่รู้จัก) ยังมีคนทำอีก เหรอ?

5.ชักชวนคน(แปลกหน้า)ทุกคนที่พบเจอ บ้าแล้ว
นี่มันยุค 5 G

6.โปรโมทธุรกิจเพียงอย่างเดียว ( ไม่จำเป็นแล้ว ทุกคนรู้จักบริษัทหมดแล้ว) เรากำลังแข่งขันกัน ขายวิธีการที่จะทำให้เขาสำเร็จต่างหาก หน้าที่การโปรโมท สินค้าและแผน คือ บริษัทต่างหาก ซึ่งเราก็ต้องมีข้อมูลเหล่านี้ แต่หน้าที่โปรโมทธุรกิจ ไม่ใช่ เราต้องค้นหาวิธีที่ทำให้ผู้มุ่งหวังสำเร็จต่างหาก!!

7.ใช้เว็บที่บริษัทแจกให้ หน้าตาเว็บเหมือน ๆ กัน เจ้าของเว็บยังใช้ไม่เป็นเลย

8.กักตุนสินค้า(โดยเฉพาะตอนมีโปรโมชั่น) นี่ก็พวกถูกหลอกให้ซื้อของ ให้สต็อค ไม่มีทางโตทั้งทีม!!

9.แต่งงานกับบริษัท อัพไลน์จะสอนให้คุณรักและเชื่อในธุรกิจที่ทำอยู่บริษัทเดียวเท่านั้น

10.เชื่อคนง่าย

11.ไม่ยอมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ (เยอะมากกก ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ อย่าเข้ามาเลย)

Top 5 Reasons to Avoid Multi-Level Marketing